ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ทีมสุขภาพ เครือข่ายสลัม 4 ภาค อยากเห็นรัฐบาลชุดต่อไปทำระบบสุขภาพเพื่อให้ 'ทุกคน' เข้าถึงอย่างเท่าเทียม ทั้งคนจน คนไร้บ้าน แรงงานข้ามชาติ ให้มีสิทธิเท่ากับคนไทยที่มีบัตรประชาชน แต่รับยังไม่เห็นพรรคไหนจะทำเรื่องสุขภาพอย่างจริงจัง ชูภาพฝันอยากเห็นการรวม 3 กองทุนเป็นหนึ่งเดียว


น..วรรณา แก้วชาติ ผู้ประสานงานโครงการมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย และในฐานะหนึ่งในทีมสุขภาพ เครือข่ายสลัม 4 ภาค เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า แม้ในปัจจุบันยังมองไม่เห็นว่ามีพรรคการเมืองไหนชูเรื่องนโยบายสุขภาพอย่างจริงจัง แต่ก็อยากเห็นพรรคการเมืองทำนโยบายด้านสุขภาพเพื่อประชาชนอย่างถ้วนหน้าให้ได้ โดยเฉพาะการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพขั้นพื้นฐาน เพราะในปัจจุบัน ยังมีคนจน คนไร้บ้าน รวมถึงคนไรัสัญชาติ และแรงงานข้ามชาติ ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม ทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และร่วมขับเคลื่อนประเทศในด้านที่สามารถทำได้ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ระบบการรักษาพยาบาลควรเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องได้รับโดยไม่มีการแย่งแยก ขณะที่สิทธิพิเศษในด้านอื่นๆ ที่จะเพิ่มเติมให้กับคนไทยที่มีบัตรประชาชนก็ย่อมทำได้ แต่เรื่องการเจ็บป่วย ใครก็ตามไม่ควรจะถูกเลือกว่าควรได้รับ หรือไม่ควรได้รับ เช่น สถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา นโยบายจากภาครัฐก็ให้คนไทยที่มีบัตรประชาชนได้รับวัคซีนก่อน ขณะที่แรงงานข้ามชาติ คนไร้สัญชาติได้รับภายหลัง หรือบางส่วนก็ไม่ได้รับวัคซีนเลย หรือแม้แต่การไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็ไปรักษาไม่ได้ เพราะโรงพยาบาลเองก็ไม่รู้จะเบิกค่าใช้จ่ายในการรักษาได้อย่างไร

นอกจากนี้ ยังอยากให้พรรคการเมืองได้ทำนโยบายการรวมกองทุนสุขภาพ เป็นกองทุนเดียวกันทั้งหมด ทั้งสิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม และสิทธิบัตรทอง เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันสำหรับการรักษาพยาบาล โดยเฉพาะกับโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ที่แต่ละกองทุนก็ยังมีความเหลื่อมล้ำ แม้ว่าประชาชนแต่ละสิทธิการรักษาจะป่วยด้วยโรคเดียวกัน และรักษาด้วยมาตรฐานเดียวกันก็ตาม

"ยกตัวอย่างโรคไต สิทธิประกันสังคมก็ต้องจ่ายค่าฟอกไตเอง บางคนเงินไม่พอก็ต้องกู้เงินมารักษาตัว แต่สิทธิบัตรทองรักษาได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเลย หรือไปรักษาด้วยอาการ โรคเดียวกัน การได้รับยาก็ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ส่วนใครอยากได้บริการเพิ่ม และมีกำลัง ก็จ่ายเพิ่มได้ แต่มาตรฐานการรักษาที่เป็นพื้นฐานต้องเท่าเทียมกัน" น.ส.วรรณา กล่าว

น.ส.วรรณา กล่าวอีกว่า ยังอยากเสนอให้รัฐบาลชุดต่อไปที่สนใจจะทำนโยบายด้านสุขภาพ ให้ประชาชนได้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการดูแลสุขภาพร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐ เพราะปัจจุบันภาคประชาชนมีความเข้มแข็งอย่างมาก ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากโควิด 19 ที่ผ่านมา ที่ภาคประชาชนลุกขึ้นมาช่วยจัดการเรื่องต่างๆ ทั้งจัดตั้งศูนย์พักคอย ศูนย์พักพิง

รวมไปถึงมีการเกิดขึ้นของกลุ่มประชาชนต่างๆ ที่มาดูแลประชาชนด้วยกันเอง เช่น กลุ่มเส้นด้าย หรือกลุ่มสายไหมต้องรอด เป็นต้น จึงอยากให้รัฐบาลชุดต่อไปสนับสนุนการทำงานของภาคประชาชนในการช่วยกันเข้ามาดูแลระบบสุขภาพอย่างจริงจัง เพราะประชาชนก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพในประเทศด้วยเช่นกัน

"ยังมีข้อเสนอเรื่องของโรคทางเดินหายใจ ที่มีสาเหตุมาจากสภาพอากาศ ฝุ่นพิษ โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่ที่สาธารณะ คนไร้บ้าน รวมถึงคนจนเมืองที่ต้องออกไปเก็บของเก่า ขยะ เพื่อนำไปขาย รัฐบาลชุดหน้าที่จะได้เข้ามาบริหารประเทศ ควรจะออกมาให้ความรู้ผลกระทบต่อสุขภาพจากสภาพอากาศอย่างจริงจัง และควรมีระบบ หรือกลไก เข้ามาช่วยเหลือคนจนเมือง คนไร้บ้าน ที่ไม่มีที่อยู่อาศัย แม้แต่อาคารจะให้หลบฝุ่นหลบร้อน ภาครัฐก็ต้องเข้ามาสนับสนุนให้มีกลไกที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้" น.ส.วรรณา กล่าว