ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผลวิจัยชี้ "PM2.5-โลกร้อน-โรคร่วม" ทำผู้ป่วยโรคหืดอาการหอบกลับมารุนแรง ยอดหามส่งรพ.พุ่ง แนะนอกจากใช้ยาอย่างถูกวิธีแล้ว ต้องเช็คคุณภาพอากาศก่อนออกจากบ้าน พร้อมเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น


เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2566 สมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย จัดแถลงข่าวสถานการณ์โรคหืด ในงานประชุมวิชาการประจำปี 2566 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมี นพ.สุรชัย โชคครรชิตไชย ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาโรคไม่ติดต่อ เป็นประธานในพิธี

ศ.ดร.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล นายกสมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ล่าสุดในปี 2563 ประเทศไทยพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากอาการของโรคหืด 4,182 รายต่อปี คิดเป็นวันละ 11-12 ราย หรืออัตรา 3.93 ต่อประชากร 1 แสนคน โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการไม่ได้พ่นยาควบคุมการรักษาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีอาการกำเริบก็จะพ่นยาไม่ทันหรือไม่ถูกวิธี

2

ขณะเดียวกัน เมื่อประกอบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกร้อน ส่งผลให้ละอองเกสรและเชื้อราเพิ่มขึ้น และยังส่งผลให้เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี มีอาการหอบเร็วขึ้นและนอนโรงพยาบาลพุ่งขึ้นถึง 15% และยังพบว่าทุกๆ ค่า PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้น 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะเพิ่มการหอบกำเริบ 0.2 ครั้ง ดังนั้นในผู้ป่วยโรคหืด นอกจากพ่นยาสม่ำเสมอแล้ว การตรวจวัดดัชนีคุณภาพอากาศทุกวันในผู้ป่วยโรคหืดก่อนออกจากบ้าน จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง

ศ.ดร.พญ.อรพรรณ กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ในปีนี้ สมาคมฯ ได้ร่วมมือกับกลุ่มทีมผู้ดูแลโรคระบบทางเดินหายใจในบริการปฐมภูมิ ภายใต้ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ตามแนวทางการรักษาโรคหืดสำหรับผู้ใหญ่ในประเทศไทย เพื่อผนึกกำลังในการรับมือกับสถานการณ์โรคหืดที่รุนแรงขึ้นในประเทศไทย

3

"สมาคมสภาองค์กรโรคหืดฯ ถือเป็นผู้นำในระดับแนวหน้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในด้านการสนับสนุนและพัฒนางานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยโรคหืด และพัฒนาแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคหืดสำหรับผู้ใหญ่ในประเทศไทย (Guideline) ต่อเนื่องทุกปี ถือเป็น Guideline ที่มีเนื้อหาสั้น กระชับ ทำให้แพทย์ทั่วไปก็สามารถนำไปเป็นแนวทางเวชปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยได้จริง" ศ.ดร.อรพรรณ กล่าว

ศ.ดร.อรพรรณ กล่าวว่า นอกจากนี้แนวทางดังกล่าว ยังสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหืดในผู้ใหญ่ได้ง่าย และทันกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศและมลภาวะในปัจจุบัน และยังได้รับการยอมรับจากวารสารทางการแพทย์ระดับนานาชาติในปีที่ผ่านมา

ขณะที่ นพ.ธิติวัฒน์ ศรีประสาธน์ ประธานวิจัยฯ สมาคมสภาองค์กรโรคหืดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการมีส่วนร่วมในงานวิจัยนานาชาติล่าสุด ด้วยความร่วมมือระหว่าง 7 สถาบันทางการแพทย์ เตรียมนำเสนอผลงานวิจัยที่งานประชุมนานาชาติ American Thoracic Society ณ เมือง Washington DC ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือน พ.ค. 2566 นี้

4

สำหรับผลวิจัยดังกล่าว พบกลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยโรคหืดจำนวน 600 ราย มีกว่า 458 รายหรือคิดเป็น 80% มีอาการของโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบในผู้ป่วยโรคหืด และพบด้วยว่าผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ และโรคดังกล่าวถือเป็นสาเหตุที่สำคัญต่อการไม่สามารถควบคุมโรคหืดได้ และยังมีภาวะโรคร่วมอื่นๆ ที่สามารถพบได้บ่อย เช่น โรคภาวะกรดไหลย้อน ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ และภาวะซึมเศร้า ร่วมด้วย

ด้าน นพ.ธเนศ แก่นสาร ตัวแทนกลุ่มทีมผู้ดูแลโรคระบบทางเดินหายใจในบริการปฐมภูมิ ภายใต้ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากข้อมูลรายงานผลการจัดตั้งเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังกว่า 14 ปี พบว่าช่วยลดจำนวนผู้ป่วยต้องมา admit ที่โรงพยาบาลลดลงได้กว่า 17,585 ครั้ง หรือ 25.9% แต่ยังมีปัญหาผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาเพียง 30% เท่านั้น

นพ.ธเนศ กล่าวว่า ดังนั้นจึงเป็นความท้าทายใหม่ที่ต้องช่วยทำให้อีก 70% เข้าถึงการรักษาให้ได้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายควบคุมโรคหืดได้และมีอัตราเข้ารักษาในโรงพยาบาล เข้าใกล้ศูนย์ โดยกลุ่มทีมผู้ดูแลโรคระบบทางเดินหายใจในบริการปฐมภูมิ ได้กำหนดทิศทางของทีมเพื่อกระจายให้องค์ความรู้แก่แพทย์ทั่วไปและทีมสหสาขาวิชาชีพ ให้สามารถให้บริการการรักษาให้ได้มาตรฐานและจัดอบรมให้ความรู้ในรูปแบบออนไลน์ มุ่งหวังจะเป็นภาคีเครือข่ายเพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคหืดที่รุนแรงขึ้นในประเทศไทย ท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและ มลภาวะในปัจจุบัน