ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รัฐบาลเผยเตรียมบังคับใช้มาตรการเข้มงวด ลดฝุ่น PM2.5 ระยะยาว ลดค่าเฉลี่ยจากไม่เกิน 50 มคก. เหลือ 37.5 มคก. ดีเดย์เริ่ม 1 มิ.ย.นี้ พร้อมสานพลัง 4 กระทรวงแก้ปัญหาระยะสั้น


เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ทั้งมาตรการระยะสั้น และระยะยาว พร้อมให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ มาตรการระยะสั้น เริ่มจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะทำหน้าที่กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากจังหวัดใดที่มีค่าฝุ่นเกิน 51 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกันเกิน 3 วัน ให้พิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public Health Emergency Operation Center: PHEOC) เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ

ในส่วนของจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 ระหว่าง 37.6-50 มคก./ลบ.ม. ให้เปิดศูนย์บัญชาการสถานการณ์ (OC) ระดับจังหวัดรองรับ รวมถึงให้เร่งรัดสื่อสารความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 แจ้งเตือนถึงความเสี่ยงและผลกระทบทางสุขภาพ

ขณะที่กระทรวงคมนาคม มีการยกระดับการดำเนินมาตรการต่างๆ เช่น การออกตรวจวัดควันดำจากท่อไอเสียของรถบรรทุก และรถโดยสารในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล การตรวจสภาพรถบรรทุกและรถโดยสาร การตรวจสอบการดำเนินการของสถานตรวจสภาพรถ การตรวจสอบยานพาหนะของหน่วยงานราชการ และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น

นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและแจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วันทุกพื้นที่ ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร (ชิงเก็บ ลดเผา และ Burn Check) ลดจุดความร้อน ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่ และพัฒนาระบบพยากรณ์ ความรุนแรงและอันตรายของไฟ (Fire Danger Rating System: FDRS)

นายอนุชา กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังประสานไปยังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ทำความเข้าใจกับเกษตรกรเพื่อลดปริมาณการเผาในพื้นที่ ทั้งการเคาะประตูบ้านแจ้งข่าว ทำความเข้าใจ ตลอดจนกำชับให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในแต่ละพื้นที่แบบครบวงจร ทั้งการชิงเก็บ ลดเผา และการใช้แอปพลิเคชัน Burn Check เพื่อลงทะเบียนและจองเวลาในการเผาล่วงหน้า เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองในแต่ละพื้นที่

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการระยะยาว ทส. จะรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ให้ความเห็นชอบและออกเป็นประกาศ ซึ่งเป็นการยกระดับมาตรฐานคุณภาพอากาศให้เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองที่ไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.ในเวลา 24 ชั่วโมง เป็นไม่เกิน จะต้องไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. และกำหนดมาตรฐานค่าเฉลี่ยในเวลา 1 ปี จะต้องไม่เกิน 15 มคก./ลบ.ม. โดยจะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย. 2566

"มาตรการระยะยาวที่เข้มงวดขึ้น จะส่งผลให้มีการควบคุมการปล่อยมลพิษโรงงานอุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่ง รวมถึงควันไอเสียจากรถยนต์ จะมีความเข้มงวดขึ้น เพื่อลดอัตราการปล่อยมลภาวะออกมาสู่ชั้นบรรยากาศ" นายอนุชา กล่าว