ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แอปฯ Clicknic เตรียมให้ดาวน์โหลดเวอร์ชั่นใหม่เดือน เม.ย. 2566 นี้ เพิ่มความสามารถใช้ AI ตรวจจับค่าความดันโลหิตผ่านกล้องมือถือได้ ช่วยให้แพทย์ดูแลผู้ป่วยผ่านระบบเทเลเมดิซีนได้ดีมากขึ้น


นายชัยนันต์ สัตยภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท คลิกนิก เฮลท์ จำกัด ผู้ให้บริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ผ่านแอปพลิเคชัน Clicknic เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมอัพเดทแอปฯ Clicknic เวอร์ชั่นล่าสุดในเดือน เม.ย. 2566 นี้ ซึ่งจะมีความพิเศษตรงที่เพิ่มเติมความสามารถของ AI ให้ตรวจจับค่าความดันโลหิตผ่านกล้องโทรศัพท์มือถือได้ ทำให้แพทย์มีข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยมากขึ้น ใช้ในการคัดกรอง วิเคราะห์โรค วิเคราะห์ความเสี่ยงต่างๆ ได้ดีขึ้น

นายชัยนันต์ กล่าวว่า ปัญหาของการให้บริการแบบเทเลเมดิซีนคือแพทย์ไม่ได้เจอผู้ป่วยต่อหน้า ทำให้ไม่สามารถทำการตรวจร่างกายได้ ไม่สามารถทราบได้ว่าค่าสัญญาณชีพต่างๆ เป็นอย่างไร ทางบริษัทจึงมีการต่อยอดนำเทคโนโลยี rPPG ซึ่งเป็นการตรวจค่าสัญญาณชีพ ซึ่งทำงานคล้ายกับอุปกรณ์อย่างเครื่องวัดออกซิเจนที่สวมที่ปลายนิ้ว แต่เปลี่ยนเป็นการใช้กล้องมือถือตรวจจับความเปลี่ยนแปลงของสีผิวบนใบหน้า ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในระดับที่สายตามนุษย์มองไม่เห็น

ทั้งนี้ ตัวอย่างเช่นเมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดมาถึงใบหน้า ตัวแอปก็จะสามารถตรวจจับได้ว่าใบหน้าแดงขึ้นและประมวลผลออกมาเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ได้อย่างแม่นยำเทียบเท่าอุปกรณ์ที่มีอยู่ในท้องตลาด ซึ่งในแอปฯ Clicknic เวอร์ชั่นที่ใช้งานปัจจุบันก็สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจได้

อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีนี้มีการพัฒนาต่อยอดเรื่อยๆ ทำให้สามารถตัวจับค่าสัญญาณชีพต่างๆ ได้มากขึ้น และในเวอร์ชั่นใหม่ที่จะเริ่มให้ดาวน์โหลดก็จะเพิ่มความสามารถในการตรวจค่าความดันโลหิตได้ด้วย โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนใกล้เคียงกับอุปกรณ์จริงที่มีอยู่ในท้องตลาด

นายชัยนันต์ กล่าวว่า ในส่วนของขั้นตอนการใช้บริการนั้น ผู้รับบริการจะต้องดาวน์โหลดแอปพิลเคชัน Clicknic มาไว้ในมือถือก่อน เพราะตัวซอฟต์แวร์ AI ในแอปฯ จะเป็นตัวสั่งการกล้องมือถือ จากนั้นเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรับบริการก็จะมีการจัดค่าสัญญาณชีพเบื้องต้นก่อนที่จะเข้าพบแพทย์ในระบบ ช่วยแพทย์ในการคัดกรองประเมินความเสี่ยง หากแพทย์ดูข้อมูลแล้วเห็นความมีความเสี่ยงก็จะได้แนะนำให้ไปที่โรงพยาบาลต่อไป

“การวัคค่าความดันโลหิตมีประโยชน์มาก เพราะปัจจุบันถ้าจะวัดความดันก็ต้องไปหาซื้อเครื่องวัดความดัน ทำให้มีค่าใช้จ่าย และประเด็นเรื่องความสะดวกในการใช้งาน แต่ถ้ามีอยู่ในมือถือก็สามารถวัดความดันโลหิตได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาความดันสูง” นายชัยนันต์ กล่าว

สำหรับปัจจุบันแอปฯ Clicknic ได้เข้าร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ให้บริการผู้มีสิทธิสิทธิบัตรทองในกลุ่มโรคทั่วไป หรือโรคเบื้องต้น 42 กลุ่มโรค ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) และในอนาคต สปสช. อยู่ระหว่างการหารือขยายพื้นที่ให้บริการทั่วประเทศ เช่นเดียวกับความสามารถของ AI ที่สามารถตรวจวัดค่าความดันโลหิตได้ ก็อาจจะขยายการดูแลผู้ป่วยจากกลุ่มโรคทั่วไป ไปสู่กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (NCDs) ได้เช่นกัน