ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หนึ่งในนโยบายสำคัญที่ถูกนำมาใช้เพื่อการจัดการและแก้ไขปัญหาความแออัดในโรงพยาบาล แน่นอนว่านโยบายนั้นคือ "รับยาที่ร้านยา" ของกระทรวงสาธารณสุข ที่กระจายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกับเมืองใหญ่ที่มีประชากรมาก

โครงการดังกล่าวได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มคนไข้ที่ได้เข้าร่วมโครงการ โรงพยาบาลที่ลดความแออัดลงไปได้ และแน่นอนว่าร้านยาที่ได้ประโยชน์จากการใช้วิชาชีพในการดูแลคนไข้เพิ่มเติม มากกว่าการที่ถูกมองว่าเป็นธุรกิจค้าขายยาเพียงอย่างเดียว

ผลดีของนโยบายรับยาที่ร้านยา ถูกสะท้อนให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนผ่านการลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ของ "คณะกรรมการวิเคราะห์ข้อเสนอทางเลือกเชิงนโยบายและติดตามผลการดำเนินการนโยบายให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล" ภายใต้การดำเนินงานวิจัยโครงการ “ประเมินผลโครงการนำร่องให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ระยะที่ 2” ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)

งานวิจัยนี้เป็นการเข้ามาช่วยติดตามการดำเนินงานตามนโยบายให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยา รวมทั้งการประเมินผลกระทบ และนำข้อมูลเสนอไปยังผู้มีส่วนตัดสินใจในเชิงนโยบาย เพื่อให้การรับยาที่ร้านยา ถูกผลักดันให้เป็นการดำเนินงานที่ยั่งยืน บนเป้าหมายประชาชนคนไทยโดยเฉพาะผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ได้ประโยชน์สูงสุด

การเห็นภาพของ จ.ภูเก็ต ที่เป็นเมืองใหญ่ มีทั้งประชากรในพื้นที่ และประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานในเมืองท่องเที่ยวเมืองเศรษฐกิจแห่งนี้ ผ่านโครงการรับยาที่ร้านยา ซึ่งจากการเข้าร่วมโครงการของร้านยา 44 แห่ง ในเครือข่ายของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต รวมไปถึงการรายงานผลการดำเนินงานยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกว่าโครงการนี้ได้ผล

ภญ.ฉัตรลดา สุทธินวล เภสัชกรชำนาญการ กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เปิดเผยในการประชุมคณะกรรมการวิเคราะห์ข้อเสนอทางเลือกเชิงนโยบายและติดตามผลการดำเนินการนโยบายให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ครั้งที่ 3/2564 ซึ่งมี นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานกำกับติดตามโครงการลดความแออัดในโรงพยาบาล และ นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ที่ได้ติดตามการดำเนินการครั้งนี้

ภญ.ฉัตรลดา ระบุว่า โครงการรับยาที่ร้านยาของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หรือในชื่อว่า "รับยาใกล้บ้าน ร้านยาใกล้ใจ" ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 ปัจจุบันมีร้านยาเข้าร่วมทั้งหมด 44 ร้าน โดยในช่วงแรกเริ่มนั้นดำเนินการในลักษณะรูปแบบที่ 1 คือ โรงพยาบาลจัดยาแล้วนำไปส่งที่ร้านยา เพื่อจ่ายยาให้กับผู้ป่วย

กระทั่งล่าสุดในปีงบประมาณ 2564 โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้ร่วมกับร้านยาแผนปัจจุบันในพื้นที่ นำร่องในรูปแบบที่ 3 คือ ร้านยาบริหารจัดการด้านยาเอง จัดและจ่ายยาให้กับผู้ป่วยรายบุคคลตามใบสั่งแพทย์ แล้วเบิกค่ายาจากโรงพยาบาล

ทั้งนี้ ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการถูกกระจายไปอยู่แทบทุกพื้นที่ของ จ.ภูเก็ต โดยเฉพาะกับ 3 อำเภอหลักที่มีประชากรมาก คือ อำเภอถลาง อำเภอกระทู้ และอำเภอเมือง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ต้องการรับยาที่ร้านยา โดยเมื่อดูจากร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ และผลสะท้อนจากผู้ป่วย พบว่ามีความสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะกับการไม่ต้องเสียเวลารอคอยการรับยาที่โรงพยาบาลนานเหมือนเดิม

จากข้อมูลพบว่าขณะนี้ มีร้านยาที่อำเภอเมืองภูเก็ตเข้าร่วมแล้ว 27 ร้าน มีผู้ป่วยไปรับยา 450 คน อำเภอถลางมีร้านยาเข้าร่วม 7 ร้าน มีคนไข้ไปรับยา 59 คน และที่อำเภอกระทู้ มีร้านยาเข้าร่วม 10 ร้าน และมีคนไข้ไปรับยา 41 ราย

ขยายกลุ่มโรคเข้าโครงการ “รับยาที่ร้านยา”

ภญ.ฉัตรลดา กล่าวอีกว่า จากเดิมดำเนินโครงการตามแนวทางของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่รับผิดชอบโครงการรับยาที่ร้านยา โดยจะเน้นในผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ให้เข้าร่วมโครงการ แต่จากการประเมินของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และ สปสช.เขต 11 ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ พบว่ามีกลุ่มโรคเรื้อรัง 17 กลุ่มที่สามารถเข้าโครงการรับยาที่ร้านยาได้ ทำให้ออกมาเป็นมติร่วมกันว่าให้ผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรังเหล่านี้เข้าร่วมโครงการ และสามารถรับยาที่ร้านยาได้

ทั้งนี้ประกอบไปด้วย โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคทางจิตเวช โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบไต โรคระบบประสาท โรคระบบต่อมไร้ท่อ โรคระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธุ์ โรคระบบภูมิคุ้มกัน โรคระบบกระดูกและข้อ โรคระบบตา หู คอ จมูก โรคระบบผิวหนัง โรคมะเร็ง และโรคระบบหลอดเลือด

ขณะเดียวกันอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนผ่านงานวิจัยออกมา ยืนยันได้ว่าการรับยาที่ร้านยาสำหรับพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้ผลดี ด้วยระยะเวลารอรับยาจากการรับยาที่ร้านยาลดลงได้มากถึง 80% เมื่อเปรียบเทียบกับการรอรับยาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ขณะที่ความพึงพอใจของคนไข้ก็มีให้กับโครงการนี้สูงถึง 75% เลยทีเดียว

ให้ความรู้ สู่ความเข้าใจ ร่วมประเมินคนไข้ เชื่อมโยงข้อมูลกับ รพ.

ภญ.ฉัตรลดา กล่าวด้วยว่า ในช่วงแรกของโครงการ ผู้ป่วยยังมีความไม่เข้าใจในรายละเอียดของโครงการ โดยมีข้อกังวลว่า คุณภาพยาที่ไปรับที่ร้านยาจะเหมือนกับยาที่ได้รับจากโรงพยาบาลหรือไม่ หรือจะได้พบแพทย์อีกหรือไม่ รวมทั้งความกังวลที่ครอบคลุมทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายจากการไปรับยาที่ร้านยา อีกทั้งการได้รับคำแนะนำสำหรับการใช้ยาจะเหมือนกับไปพบแพทย์หรือไม่ด้วย

แต่หลังจากที่บุคลากรของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้ให้คำแนะนำ อธิบาย พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ ทำให้เกิดการรับรู้ และความเข้าใจในโครงการรับยาที่ร้านยามากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

“แต่ละห้องตรวจโรค ทีมแพทย์ พยาบาล ก็จะช่วยคัดกรองผู้ป่วยที่เข้าข่ายสามารถร่วมโครงการได้ ก็จะแนะนำชักชวนให้เข้าโครงการรับยาที่ร้านยา และบันทึกข้อมูลเข้าสู่ระบบของโรงพยาบาล ส่วนเภสัชกรร้านยา ก็มีการประเมินคนไข้ เพื่อนัดคนไข้เป็นระยะสำหรับดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างคนไข้และร้านยาเองที่ต้องมีการติดตามการใช้ยา และประเมินอาการของโรคเพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลส่งให้กับทีมแพทย์ของโรงพยาบาล ขณะที่โรงพยาบาลจะก็มีการลงพื้นที่ร้านยา เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นของโครงการระหว่างกัน โดยร้านยาก็จะมีป้ายสัญญลักษณ์ที่สามารถรับยาได้ใกล้บ้านประชาสัมพันธ์อีกทางหนึ่งด้วย” ภญ.ฉัตรลดา กล่าว

เภสัชภูมิใจ ไม่ใช่แค่จ่ายยา แต่ได้ดูแลคนไข้ในชุมชน

ด้าน นายเกียรติศักดิ์ ปานรังศรี ประธานชมรมเภสัชกรชุมชนจังหวัดภูเก็ต ให้ข้อมูลว่า โครงการรับยาใกล้บ้าน ร้านยาใกล้ใจ สิ่งสำคัญคือการที่เภสัชกรได้มีบทบาททางวิชาชีพมากกว่าการจ่ายยา นั่นคือการได้ร่วมดูแลผู้ป่วย ได้ดูแล แนะนำ และติดตามอาการของคนไข้ที่มารับยาที่ร้านยา ซึ่งไม่ได้หวังว่าจะต้องได้ค่าตอบแทนเป็นผลกำไรมากมาย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความภูมิใจมากกว่า

นอกจากนี้ยังมีคนไข้ในสิทธิประกันสังคม หรือสิทธิข้าราชการที่ต้องการเข้าร่วมโครงการด้วยเช่นกัน โดยยกตัวอย่างว่ามีคนไข้จากสิทธิบัตรทองที่เข้าร่วมโครงการรับยาที่ร้านยา แต่ได้เปลี่ยนสิทธิการรักษาเป็นสิทธิข้าราชการตามบุตร ซึ่งเราไม่สามารถบันทึกข้อมูลสำหรับการเปลี่ยนแปลงได้ แต่คนไข้อยากเข้าโครงการต่อ เพราะคนไข้สะดวกกว่าการไปรับยาที่โรงพยาบาลที่ต้องรอเวลานาน ร้านยาก็ทำให้แม้ไม่ได้ค่าตอบแทน

“ข้อมูลความต้องการของคนไข้สิทธิ์อื่นๆ ในการรักษาที่ต้องการมารับยาที่ร้านยา ร้านยาเองก็ส่งข้อมูลกลับไปยังโรงพยาบาล เพื่อให้มีการดำเนินการต่อไป” ประธานชมรมร้านยาจังหวัดภูเก็ต กล่าว

ภก.สมสุข สัมพันธ์ประทีป รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงประเด็นเดียวกันนี้ว่า ได้วิเคราะห์จากตัวผู้ป่วยในสิทธิบัตรทองที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งพบว่าปัจจุบันมีร้านยาที่เข้าโครงการ 44 ร้าน กระจายทั้งเกาะภูเก็ต เพราะประชากรมีการเคลื่อนย้ายการทำงาน เช่น มีที่พักในพื้นที่อำเภอหนึ่ง แต่ต้องไปทำงานอีกอำเภอ

ดังนั้น เมื่อคนไข้เลือกร้านขายยาเพื่อเข้าร่วมโครงการ ก็จะมีโบรชัวร์แผ่นพับให้พิจารณาว่าคนไข้สะดวกไปรับยาที่ร้านยาใด เพราะไม่ได้จำกัดว่าต้องใกล้บ้าน แต่หากใกล้ที่ทำงานก็ทำได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของสิทธิประกันสังคมที่อยากเข้าร่วมโครงการ พบว่ายังติดปัญหาในเชิงระบบอยู่ แต่ก็ถือว่าเป็นแพ็กเกจที่น่าพิจารณา เนื่องจากเป็นการดูแลคนไข้ทั้งระบบด้วยเช่นกัน

กางแผนที่ ชี้จุด "รับยาที่ร้านยา" ดึงคนไข้เข้าร่วมได้มากขึ้น

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการ สวรส. ได้เสนอถึงประเด็นการชักชวนผู้ป่วยของโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ให้เข้าร่วมโครงการ “"รับยาใกล้บ้าน ร้านยาใกล้ใจ" เช่น การจัดทำป้ายแผนที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการว่ามีที่ใดบ้าง รวมถึงประโยชน์ที่ประชานจะได้รับ เช่น ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่ต้องรอนาน มีเภสัชร่วมติดตามใกล้ชิด เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้เห็นข้อมูลที่ชัดเจน และเกิดความสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการ มากกว่าการที่จะให้บุคลากรไปแนะนำหรือชักชวนผู้ป่วยแต่ละรายให้เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะเป็นการประชาสัมพันธ์ร้านยาไปด้วย และร้านยาที่เข้าร่วมโครงการกับโรงพยาบาล ก็จะเป็นเครือข่ายการให้บริการประชาชนร่วมกันต่อไป