ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รัฐผลึกกำลัง 5 กระทรวง พัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมต่อฐานข้อมูลสุขภาพ Big Rock 1 หวังลดจ่ายยาซ้ำซ้อน ช่วยเบิกจ่ายง่ายขึ้น


กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการคลัง (กค.) ร่วมกันจัดงานประชุมการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 “ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ (EPI: Ending Pandemics through Innovation)” เมื่อวันที่ 30-31 ต.ค. 2564

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า แม้ในช่วงก่อนการระบาดของเชื้อโควิด-19 สธ.ได้จัดทำและพัฒนาแพลตฟอร์มในการมีการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสุขภาพของประชาชนในสังกัด สธ. แต่เมื่อเกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้เราพบว่าข้อมูลสุขภาพ การเบิกจ่าย การบริหารจัดการทั้งระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมินั้น ยังขาดการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันอย่างเป็นระบบอีกจำนวนมาก

ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าว สธ. จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการปฏิรูปและพัฒนาการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการและการควบคุมโรคระบาดทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น สธ.จึงได้ร่วมมือกับ อว. และ ดีอีเอส ในการผลักดันให้เกิดระบบ Health Information Exchange (HIE) อย่างบูรณาการผ่านความร่วมมือการปฏิรูประบบสาธารณสุข Big Rock 1 “ยุติโรคระบาดด้วยนวัตกรรม โดยการเชื่อมต่อฐานข้อมูลสาธารณสุขแบบบูรณาการ (Ending Pandemics through Innovation)”

สำหรับการสร้างแพลตฟอร์มนี้ จะดำเนินการและร่วมกำหนดมาตรฐานกลางร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย โรงพยาบาลในภาคี สนับสนุนโรงพยาบาลในด้านเครื่องมือและกระบวนการที่จะทำให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกิดขึ้นได้ตามมาตรฐาน โดยเป้าหมายในระยะที่ 1 เราหวังว่าการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพการระบาดจะสามารถช่วยการบริหารจัดการสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน และสามารถรองรับการระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต การเบิกจ่ายและการรักษามีประสิทธิภาพ

“จากความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่การเชื่อมโยงหรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพอย่างสมบูรณ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาแบบต่อเนื่องและรักษาโรคเรื้อรัง ลดการจ่ายยาซ้ำซ้อนหรือการจ่ายยาที่คนไข้แพ้ได้อีกด้วย ผมมีความมั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยให้การบริหารจัดการควบคุมโรคระบาดลดจำนวนสถิติการสูญเสียชีวิต และประชาชนคนไทยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ประเทศชาติมีความมั่นคงด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืนในอนาคตอย่างแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส กล่าวว่า ความเป็นมาของโครงการฯ นี้ คือการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมชุมชนเข้ากับระบบบริการสุขภาพ ระหว่างประชาชนและแพทย์ผู้ดูแล

นอกจากนี้ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยังช่วยให้ประชาชนรู้อาการของโรคที่เป็น วิธีที่จะได้รับการรักษา รู้ถึงสิทธิที่ตนพึงได้รับการบริการด้านสุขภาพอย่างมีคุณภาพ เป็นธรรม และปลอดภัย กระตุ้นให้ประชาชนเกิดความตระหนัก และร่วมมือในการทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองและชุมชนดีขึ้น

ดังนั้น ดีอีเอส ได้มอบหมายให้สถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (Government Big Data Institute: GBDi) ร่วมกับหน่วยงานภายใต้ สธ. และ อว. ดำเนินการศึกษา ออกแบบ พัฒนา และให้บริการระบบสารสนเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน โดยเฉพาะการนำข้อมูลระดับมหภาคมาประกอบการตัดสินใจในการวางแผนและพัฒนานโยบายด้านสุขภาพ รวมทั้งบริหารจัดการกับแนวโน้มด้านสุขภาพในอนาคต ด้วยเหตุนี้การพัฒนามาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบ จึงเป็นแนวคิดสำคัญที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านข้อมูลสุขภาพของประเทศ ได้ทำการพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในรูปแบบที่แตกต่างหลากหลาย

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า แนวคิดนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา การเบิกจ่ายประชาชนในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคทั้งในปัจจุบันและในอนาคต รวมทั้งสามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ทั้งภายในและข้ามเครือข่ายบริการ โดยใช้แนวทางที่มีมาตรฐานมาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ร่วมกัน เพื่อให้ระบบข้อมูลสุขภาพมีความราบรื่นระหว่างระบบ เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพ (Health Information Exchange) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเป้าหมายในการเพิ่มคุณภาพการบริการแก่ประชาชนได้

“ดีอีเอสมีหน้าที่หลักในการออกแบบ พัฒนา และดูแลจัดการระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ทั้งหมดนี้ โดยระบบ Health Link ตั้งอยู่บนคลาวด์ของบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับมาตรฐานสากล ISO 27001 และใช้ Fast Healthcare Interoperability Resources (FHIR) จากองค์กร Health Level Seven (HL7) International ซึ่งเป็นมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก” นายชัยวุฒิ กล่าว