ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สช.ระดมภาคีภาควิชาการ-สังคม ร่วมให้ความเห็นต่อร่างหลักเกณฑ์ฯ HIA ฉบับที่ 3 แสวงหาแนวทางส่งเสริมภาคประชาชน-ท้องถิ่น มีส่วนร่วมประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ


สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดการประชุมระดมสมองเพื่อรับฟังความคิดเห็นภาคีเครือข่ายภาควิชาการ ประชาสังคมและชุมชน ต่อร่างหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ ฉบับที่ 3 (ร่างที่ 1) เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2564 เพื่อให้หน่วยงานองค์กรภาคีและเครือข่ายได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงรวบรวมข้อมูลความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคีเครือข่ายต่อร่างหลักเกณฑ์ฯ ฉบับดังกล่าว

นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลักเกณฑ์ฯ ฉบับที่ 3 จะมีความชัดเจนมากขึ้น คือจะมีการระบุไว้ว่า หากประชาชนต้องการใช้สิทธิตาม HIA จะต้องทำอย่างไรบ้าง 1-2-3-4-5 เช่นเดียวกับฟากฝั่งผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการอะไรบ้าง เช่น ต้องจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นที่เป็นที่ยอมรับ หรือ 1-2-3-4-5 ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งถือกฎหมายต่างๆ ก็จะสามารถบูรณาการหลักเกณฑ์ฯ เข้าไปใช้ได้

“ถ้าเราทำเช่นนี้ ทำให้เป็นหลักเกณฑ์และแนวทางตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชน และทำให้มีวิธีปฏิบัติว่าผู้ประกอบการ-เจ้าของโครงการต้องทำอย่างไร ขณะเดียวกันก็ไปบูรณาการร่วมกับเครื่องมือชิ้นอื่น กฎหมายอื่น หน่วยงานอื่น ทำให้เนื้อหาสอดคล้องไปกันได้ทั้ง 3 ฝ่าย โดยผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ผมคิดว่าจะทำให้พัฒนาการของประเทศ ทั้งในแง่การให้เกิดความก้าวหน้า เดินควบคู่ไปกับการคุ้มครองและรักษาสิทธิของประชาชนพอไปกันได้อย่างสมดุล” นพ.ประทีป กล่าว

นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องนึกถึงมากคือการสนับสนุนท้องถิ่นให้มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย เพราะระบบรวมศูนย์ที่ให้อำนาจส่วนกลางเป็นคนกำหนด มักทำความเดือดร้อนให้กับพื้นที่เสมอมา ฉะนั้นเราจะช่วยกันสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นได้อย่างไร โดยปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปมาก เรื่องของข้อมูลความรู้ที่สามารถใช้สื่อออนไลน์ไปกระตุ้นผู้คนได้มากมาย เราจะสามารถสร้างเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพได้ ถ้ามีการเชื่อมโยงทั้งชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น และกลไก สช. ที่ให้หน่วยงานต่างๆ เข้ามาทำงานร่วมกัน

น.ส.สมพร เพ็งค่ำ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องคำนึงคือการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA) ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้ในการตัดสินใจโดยตรง แต่เป็นเครื่องมือในการแสวงหา รวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจนโยบาย แผนงานหรือโครงการต่างๆ เพื่อคาดการณ์อนาคตว่านโยบายหรือโครงการนั้นจะมีผลลัพธ์ที่ตามมาอย่างไร ในมิติของสุขภาพ สุขภาวะ แต่สุดท้ายแล้วผู้ที่จะตัดสินใจคือฝ่ายนโยบาย

น.ส.สมพร กล่าวว่า นอกจาก HIA แล้ว การประเมินผลกระทบในประเทศไทยยังมีอีกมาก จึงต้องทำความเข้าใจและเห็นภาพใหญ่ของระบบ ว่าแต่ละหน่วยงานมีเครื่องมือเพื่อประกอบการตัดสินใจอยู่แล้ว ซึ่งตามหลักจะเป็นตัวอะไรก็ได้ แต่หากยังเห็นว่าขาดจุดใด เช่น สุขภาพ HIA ก็สามารถสร้างความเชื่อมโยงและร่วมเติมเต็มจุดนั้นได้

ดร.นาตยา พรหมทอง หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาและขับเคลื่อนการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ สช. กล่าวว่า ส่วนสำคัญของร่างหลักเกณฑ์ฯ ฉบับที่ 3 ที่มีการปรับปรุงจากฉบับที่ 1 และ 2 คือการปรับปรุงนิยามของ HIA จากเดิมที่ให้ความหมายเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของสังคม ซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) ดังนั้นในฉบับที่ 3 นี้จึงได้เปลี่ยนนิยามของ HIA ให้เป็นการคาดการณ์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบาย แผนงานและโครงการ ที่มีต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน