ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.จับมือ สปคม. คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดทีมตรวจโควิด-19 เชิงรุก ใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test รู้ผลใน 30 นาที ตั้งเป้าตรวจวันละ 10,000-12,000 ราย เริ่ม 12 ก.ค.เป็นต้นไป


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ได้มอบหมายให้ สปสช. ประสานกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกกระจายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าตรวจให้ได้วันละ 1-1.2 หมื่นคน เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการประมาณ 1-2 สัปดาห์

สำหรับการตรวจหาเชื้อดังกล่าว จะใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (Professional Use) ซึ่งจะทราบผลตรวจภายใน 30 นาที โดยหากปรากฏว่าผลตรวจเป็นบวกหรือติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษา

อย่างไรก็ดี เนื่องจากขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและเตียงในโรงพยาบาลใน กทม. ก็ใช้งานจนเต็มแล้ว ดังนั้นกรมการแพทย์จึงได้วางแนวทางให้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือในชุมชน (Community Isolation)

"เราได้ออกแบบระบบรองรับไว้แล้ว โดยให้คลินิกชุมชนอบอุ่นคอยติดตามดูแลสุขภาพของท่าน หากไม่สามารถดูแลที่บ้านได้ก็จะเป็นการดูแลโดยชุมชน ซึ่งขณะนี้กรุงเทพมหานครรวมถึงภาคประชาสังคมได้ดำเนินการแล้ว เมื่อทราบผลว่าติดเชื้อซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่มีอาการหรือกลุ่มสีเขียว ก็จะมีการรายงานผลเข้าระบบฐานข้อมูลของ สปสช. ส่วนผู้ป่วยกลับไปกักตัวที่บ้านก่อน อย่าออกไปไหน สปสช.จะจับคู่คลินิกชุมชนอบอุ่นใกล้บ้านเพื่อการดูแลให้ ซึ่งก็จะมีคลินิกชุมชนอบอุ่นติดต่อไปหาท่านภายใน 48 ชั่วโมง" นพ.จเด็จ กล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวต่อไปว่า เมื่อคลินิกชุมชนอบอุ่นติดต่อผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้แล้ว ก็จะส่งเครื่องวัดไข้และเครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือดไปให้ที่บ้าน รวมถึงยาฟ้าทะลายโจร โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ของคลินิกนั้นซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ทำวิดีโอคอล หรือ Telehealth ติดตามประเมินอาการวันละ 2 ครั้งทุกวัน ขณะเดียวกันก็จะจัดส่งอาหารให้วันละ 3 มื้อ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถกักตัวอยู่ในบ้านได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดหาอาหาร

นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้ป่วยอาการแย่ลงหรือเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเหลืองและสีแดง คลินิกชุมชนอบอุ่นจะประสานกับโรงพยาบาลรับส่งต่อของตัวเองให้รับตัวผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาล และในกรณีที่โรงพยาบาลรับส่งต่อก็เตียงเต็มอีก ก็จะประสานสายด่วน 1330 ของ สปสช. หรือสายด่วน 1668 ของกรมการแพทย์ เพื่อหาเตียงให้ ซึ่งระหว่างที่รอเตียงอยู่ก็จะส่งยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้ที่บ้าน เพื่อประคองอาการไปก่อนจนกว่าจะได้เตียงในโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม นอกจากการจับคู่คลินิกชุมชนอบอุ่นรักษาที่บ้านหรือที่ชุมชนแล้ว กรณีผู้ติดเชื้อไม่มีอาการที่ต้องการกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนาหรือต่างจังหวัด สปสช.เปิดสายด่วน 1330 ให้ประชาชนแสดงความจำนงที่จะกลับไปรักษาที่ต่างจังหวัด แล้ว สปสช.จะประสานจังหวัดและจัดรถไปส่งที่โรงพยาบาลให้ โดยค่าพาหนะเบิกจาก สปสช.ได้ตามหลักเกณฑ์

ทั้งนี้ จุดตรวจเชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (Professional Use) ที่จะเริ่มในวันจันทร์ที่ 12 ก.ค.เป็นต้นไป เวลา 8.00 น.เป็นต้นไปจนกว่าจะตรวจครบ ดังนี้ 1.สนามกีฬาธูปะเตมีย์ กองทัพอากาศ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 2.สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้ ทางสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) จะเป็นผู้ตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ตั้งเป้าจุดละ 3,000 รายต่อวัน

3. ลานจอดรถชั้น 5 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ โดย คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะเป็นผู้ตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test (เนื่องจากวันแรกจะทดลองระบบวันละ 500 รายก่อนจะเพิ่มจนได้ตามเป้าหมายวันละ 3,000 ราย) และในวันพุธที่ 14 ก.ค.เป็นต้นไป เวลา 8.00 น.เป็นต้นไปจนกว่าจะตรวจครบ จะเพิ่มอีก 1 จุดคือ 3,000 รายต่อวันเช่นกัน คือที่สนามฟุตบอลกองพล ปตอ. เกียกกาย เขตดุสิต กทม. สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) จะเป็นผู้ตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test

ทั้งนี้ สปสช.มีแผนขยายการตรวจโควิด-19 เชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (Professional Use) ในคลินิกชุมชนอบอุ่นใกล้บ้านด้วย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจได้ง่ายขึ้น ลดความแออัดที่จุดตรวจเชิงรุก และลดการรอคอย