ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คกก.ยาฯ ประกาศ "แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย ปี 2566-2570" เพิ่มศักยภาพวิจัยนวัตกรรม สร้างมูลค่าให้ประเทศกว่า 10,000 ล้านบาท ส่งเสริมการผลิตวัตถุดิบยาและสมุนไพรในประเทศ ลดพึ่งพาการนำเข้า-เน้นส่งเสริมการส่งออก พร้อมเร่งพัฒนาสู่ประเทศ "ใช้ยาอย่างสมเหตุผล" มุ่งสู่ระบบยามั่นคง ประชาชนเข้าถึงได้ทั่วถึง-ปลอดภัย


เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการฯ ได้ประกาศแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 โดยมี 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1. ส่งเสริมอุตสาหกรรมยาโดยร่วมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยา 2. พัฒนากลไกการเข้าถึงยาถ้วนหน้า ราคายาที่สมเหตุผล ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน

3. พัฒนากลไกสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และ 4. การจัดการสารสนเทศเพื่อจัดการระบบยาแบบบูรณาการ และเห็นชอบแผนส่งเสริมการผลิตวัตถุดิบยาและสมุนไพรในประเทศระยะสั้น เช่น สารสกัดฟ้าทะลายโจร เป็นต้น รวมทั้งเร่งพัฒนาสู่ประเทศใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU) ภายในปี 2575

ทั้งนี้ การนำร่างแผนปฏิบัติการด้านยาฯ ไปสู่การปฏิบัติ จะช่วยเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมยาในประเทศ โดยผลักดันให้เกิดการวิจัยยานวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วและสร้างมูลค่าให้ประเทศกว่า 10,000 ล้านบาท อีกทั้งยังเพิ่มการเข้าถึงยาจำเป็นของประชาชนผ่านกลไกปรับปรุงบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งมียาสำคัญ เช่น ยาอดเหล้า 2 รายการ ยานาลเทรกโซน และยาอะแคมโพรเสต เพื่อช่วยบำบัดรักษาผู้ติดสุรา รวมทั้งเพิ่ม “วัคซีนป้องกันโรคไอกรนชนิดไร้เซลล์” ให้บริการในหญิงตั้งครรภ์ เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเด็กแรกเกิดทุกราย เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเพิ่มสมุนไพรไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ อีกจำนวน 2 รายการ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงและการใช้ยาจากสมุนไพรในระบบบริการสุขภาพได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงควบคุมค่าใช้จ่ายจากการกำหนดราคากลางของยาที่มีราคาแพง ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของภาครัฐได้กว่า 800 ล้านบาทต่อปีในปี 2567 ช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่การใช้ยาอย่างสมเหตุผลสอดคล้องตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก

นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า รัฐบาลจะขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบยาของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 อย่างเป็นรูปธรรม โดยจะมีแผนงานเร่งรัดขับเคลื่อน (นวัตกรรม) เศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพ พร้อมกับยกร่างกฎหมายส่งเสริมเศรษฐกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพอย่างครบวงจร และขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนให้ระบบยามั่นคงด้วยการวิจัยพัฒนา ประเทศมีการจัดหายาจำเป็นไว้ใช้อย่างต่อเนื่องและทันท่วงที ทั้งในภาวะปกติและฉุกเฉิน