ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ให้ร้านยาคุณภาพเครือข่ายบริการจ่ายยาให้ผู้ป่วยใกล้บ้าน ลดการเดินทาง ลดความแออัดโรงพยาบาล ผู้ป่วยได้ยามีคุณภาพมาตรฐาน ปลอดภัย ไม่ต้องรอนาน ได้รับคำแนะนำการใช้ยาอย่างเหมาะสมตามใบสั่งแพทย์โดยเภสัชกร เป็นทางเลือกลดความแออัด เริ่มดำเนินการ 1 ตุลาคม 2562

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 ที่โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ กทม. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง การลดความแออัดในโรงพยาบาล โดยร้านยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักตรวจราชการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล หัวหน้างานเภสัชกรรมโรงพยาบาล/สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลในสังกัดสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นส่วนราชการ ร้านยาแผนปัจจุบัน สภาเภสัชกรรรม สมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย) และคณะเภสัชศาสตร์ ร่วมประชุมกว่า 300 คน

นพ.สุขุม กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุขลดความแออัดของโรงพยาบาล เพิ่มความสะดวกบริการประชาชน อาทิ การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ คลินิกหมอครอบครัว เปิดคลินิกเฉพาะทางนอกเวลาราชการ (SMC) อีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดความแออัดคือ ให้ผู้ป่วยนำใบสั่งยารับยาที่ร้านยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ที่ได้มาตรฐาน GPP ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในระยะแรกจะดำเนินการพัฒนาระบบบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้ร้านขายยาร่วมเป็นเครือข่ายบริการจำนวน 500 แห่งทั่วประเทศ จ่ายยาให้กับผู้ป่วยโดยไม่ต้องรอรับยาที่โรงพยาบาล ช่วยให้ผู้ป่วยใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลน้อยลง ลดภาระการเดินทาง และความแออัดของโรงพยาบาล รวมถึงได้รับคำแนะนำการใช้ยาอย่างตามใบสั่งแพทย์โดยเภสัชกร

โดยจะเริ่มในโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปที่มีความพร้อมในเดือนตุลาคม 2562 ช่วงแรกจะเน้นในผู้ป่วย 4 โรค คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคทางจิตเวช และหอบหืด ซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยา และลดการครอบครองยาเกินความจำเป็น

นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า สำหรับเงื่อนไขการรับยาต้องเป็นไปตามความสมัครใจของผู้ป่วยที่จะรับยาที่ร้านยาใกล้บ้าน หรือใกล้ที่ทำงาน ซึ่งเป็นร้านยาคุณภาพ/ ร้านยาที่ผ่านมาตรฐาน GPP และมีเภสัชกรปฏิบัติงานตลอดไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง โดยจะได้รับยาชนิดเดียวกับที่ได้รับจากโรงพยาบาลเดิมที่รับยาอยู่ และผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ เพิ่มขึ้น โรงพยาบาลและร้านขายยาที่เป็นเครือข่ายสามารถดำเนินการได้ 3 รูปแบบ คือ โรงพยาบาลจัดยารายบุคคลส่งให้ร้านขายยา โรงพยาบาลจัดสำรองยาไว้ที่ร้านยา หรือร้านยาดำเนินการจัดการด้านยาเอง ซึ่งจะต้องมีการศึกษาร่วมกันต่อไป 

“การพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ มีหมอครอบครัวประจำบ้าน การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้ประชาชนเลือกสถานบริการที่เหมาะสมกับลักษณะการเจ็บป่วย รวมทั้งการเชื่อมโยงร้านขายยาใกล้บ้าน จะช่วยเพิ่มความสะดวก เป็นทางเลือกให้กับประชาชนมากขึ้น” นพ.สุขุม กล่าว

ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ผลจากการประชุมเชิงปฏิบัติการฯ วันนี้ จะมีการรวบรวมความเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำไปพัฒนาระบบเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถรับยาตามใบสั่งแพทย์ที่ร้านยาคุณภาพใกล้บ้านภายหลังจากที่ได้รับการตรวจรักษาจากคุณหมอที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งรูปแบบการบริหารจัดการแบ่งเป็น 3 ทางเลือก คือ 1.คือโรงพยาบาลเป็นผู้จัดยาและส่งยาไปที่ร้านยาคุณภาพเพื่อจ่ายยาให้กับผู้ป่วย 2 นำยาไปสำรองไว้ที่ร้านยาคุณภาพ ให้เภสัชกรร้านยาเป็นผู้จัดยาตามใบสั่งแพทย์ เสมือนเป็นห้องจ่ายยาย่อยของ รพ. และ 3. ให้ร้านยาเป็นผู้จัดซื้อยาและสำรองยาในการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเอง โดยโรงพยาบาลเป็นผู้ตามจ่ายค่ายา โดยในการประชุมครั้งนี้จะช่วยกันดูความเป็นไปได้ของทั้ง 3 ทางเลือก สำหรับในส่วนของค่าบริหารจัดการยาไปยังร้านยานั้น สปสช.จะมีการจัดสรรงบเพื่อดูแลเฉพาะ เพื่อไม่ให้เกิดภาระกับโรงพยาบาลและร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ