ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้ว่าฯ กทม. เปิดประชุม "Bangkok health zoning" ครั้งที่ 2 ย้ำลุยเดินหน้าปีที่ 2 พร้อมอีก 24 นโยบาย เพิ่มความเข้มแข็งระบบสาธารณสุข เผยแนวคิดแบ่งกรุงเทพฯ 7 โซน สร้างเครือข่ายระดับชุมชน-รพ. พร้อมขยายรถฉุกเฉิน "Motorlance" เพิ่ม 


เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงวิชาการ Bangkok health zoning ครั้งที่ 2 และร่วมรับฟังการเสวนาแลกเปลี่ยนประเด็น “กรุงเทพมหานคร: ระบบสุขภาพที่ดี ไม่มีทางทำคนเดียว” โดยช่วงหนึ่งได้เปิดเผยว่า เรื่องสาธารณสุขเป็นเรื่องสำคัญของ กทม. ควบคู่กับเรื่องของการศึกษา ที่เป็นหัวใจของการลดความเหลื่อมล้ำ

นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาด้านสาธารณสุขของ กทม. คือมีหลายหน่วยงานที่มีการให้บริการทางสาธารณสุข และมีเตียงเพียง 13% ของเตียงทั้งหมด ที่เหลือเป็นของโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งหากย้อนไปในช่วงต้นโควิด-19 จะเห็นว่ามีปัญหาในเรื่องการประสานงาน เพราะฉะนั้นจึงมีแนวคิดแบ่งกรุงเทพออกเป็น 7 โซน โดยในแต่ละโซนมีเครือข่ายระดับชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ชุมชน คลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุข ไปจนถึงระดับโรงพยาบาลที่ให้บริการเฉพาะทาง

1

"หากเราสามารถประสานงานกับเครือข่ายเหล่านี้ได้ และมีความเข้มแข็ง รวมถึงสร้างความไว้วางใจให้กับแต่ละหน่วยย่อย ก็จะทำให้การบริการไร้รอยต่อมากขึ้น แต่เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย สุดท้ายแล้ว กทม. ก็ดูแลได้เพียงหน่วยงานในสังกัด ส่วนหน่วยงานเครือข่ายอื่นๆ ต้องอาศัยความร่วมมือกัน จึงได้เน้นย้ำว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด" นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า หากทำระบบสาธารณสุขของเราให้เข้มแข็ง จะช่วยลดจำนวนคนไข้ที่ไปแออัดอยู่ที่โรงพยาบาลใหญ่ให้น้อยลง นั่นจึงเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารให้มีความเชื่อมโยงกัน โดยหนึ่งอย่างที่จะช่วยได้มากคือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น การใช้ระบบ Telemedicine ซึ่งปัจจุบันได้มีการเริ่มใช้งานแล้ว พร้อมจุดแข็งใน 1 ปีที่ผ่านมาคือได้เริ่มทำ Sandbox ที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ และดุสิตโมเดล ก่อนนำมาขยายผลทำเป็น Bangkok Health Zoning ทำให้เห็นผลที่เป็นรูปธรรมและให้ตอบโจทย์ประชาชนมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ยังมีรถจักรยานยนต์ฉุกเฉินทางการแพทย์ หรือ Motorlance ที่สามารถเข้าถึงประชาชนได้เร็วขึ้น และการขยายเตียงโดยการนำเตียงผู้ป่วยที่อยู่ที่บ้านนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุข ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้เชื่อว่า กทม. มาถูกทางแล้ว และในปีที่ 2 จะมีนโยบายอีก 24 นโยบาย ที่จะทำให้ระบบสาธารณสุขนั้นเข้มแข็งขึ้น

2

นายชัชชาติ กล่าวว่า ในส่วนของ Motorlance นั้นถือว่าเป็นโครงการที่ดี เนื่องจาก 8 นาทีทองนั้นสำคัญมาก นั่นคือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเราสามารถไปถึงผู้ป่วยได้ภายใน 8 นาที ก็จะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ ซึ่งอุปกรณ์ภายในรถจักรยานยนต์ฉุกเฉินจะมีอุปกรณ์ที่จำเป็นในการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตฉุกเฉิน โดยขณะนี้เรามี 50 คันกระจายไป 50 เขต โดยทั้ง 50 คันนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณหลวงแต่มีผู้บริจาคให้ ซึ่งต่อไปในอนาคตอาจขยายผลเป็น 200-300 คัน

"เรามีหน้าที่ทำให้ประชาชนไว้ใจเรา ทำให้ประชาชนไว้ใจในศูนย์บริการสาธารณสุข ได้รับบริการที่ดีขึ้น ให้ประชาชนหันมาใช้บริการหน่วยย่อยใกล้บ้าน มากกว่าไปโรงพยาบาลใหญ่ เชื่อว่าในอนาคตทั้งระบบสาธารณสุขจะดีขึ้นได้" ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว

สำหรับการดูแลสุขภาพแบบนำร่อง โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักงานเขตพื้นที่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สถานพยาบาลเอกชน และเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ กทม. ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในรูปแบบ Sandbox โดยมีโรงพยาบาลเป็น System manager ศูนย์บริการสาธารณสุขเป็น Area manager เป็นระยะเวลา 8 เดือน

1

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ผ่าน สามารถตอบสนองความต้องการของภาคประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเส้นเลือดฝอย ตั้งแต่ระบบบริการปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ และการดูแลต่อเนื่อง ได้แก่ ดุสิต Model, ราชพิพัฒน์ Model รวมถึงการขยายผลไปในเขตพื้นที่กทม. 6 กลุ่มเขต โดยภายหลังการประชุมเชิงปฏิบัติการ Sandbox กทม. เมื่อเดือน ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา ได้เกิดการดำเนินงานในเขตพื้นที่กรุงเทพตะวันออก กรุงเทพกลาง กรุงเทพเหนือ เป็นต้น ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม

อย่างไรก็ตาม พบว่ายังขาดกระบวนการด้านการประชาสัมพันธ์ ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเพียงบางกลุ่ม บุคลากร หน่วยงานด้านสาธารณสุขยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และการเชื่อมโยงระบบ หลายเขตพื้นที่ใน กทม. ยังขาดแคลนสถานบริการด้านสาธารณสุข ขาดการบูรณาการร่วมกัน ดังนั้นการดำเนินการด้านการขยาย Health Zoning จะสำเร็จได้จึงต้องอาศัยความร่วมมือกันและพัฒนาระบบบริการอย่างมีมาตรฐานร่วมกัน ได้แก่ บทบาทของโรงพยาบาลแม่ข่าย ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึงภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อประชาชนสามารถเข้าถึงบริการ และเกิดการพัฒนางานอย่างมีคุณภาพ

อนึ่ง การประชุมเชิงวิชาการ Bangkok health zoning จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-8 มิ.ย. 2566 เพื่อการขยายผลบริการด้านสาธารณสุข พัฒนารูปแบบบริการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และเกิดการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่าย ทั่วทุกเขตพื้นที่ใน กทม.

2