แข ... แข ... แข ... แข็งแกร่ง !!!
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังจะ “ย้ายโรงพยาบาล” มาให้บริการคนกรุง “ถึงหน้าบ้าน” โดยไม่ใช้งบประมาณราชการสักบาท
ชัชชาติ บอกว่า นี่จะเป็นมิติใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงระบบสาธารณสุขอย่างไม่น่าเชื่อ
“เปรียบให้เห็นภาพโรงพยาบาลก็เหมือนกับยานแม่ที่ส่งยานลูกออกไปบริการคนในชุมชน แต่ที่ผ่านมายานลูกเราไม่เข้มแข็ง ดังนั้นทุกคนก็วิ่งมาหายานแม่หมด สุดท้ายทำให้โรงพยาบาลแออัด เหมือนเราปะทะที่ด่านสุดท้าย ดังนั้นต้องส่งยานลูกไปปะทะที่ชุมชน ถ้ายานลูกเข้มแข็ง สุดท้ายแล้วโรงพยาบาลก็จะสบายขึ้น”
สิ่งที่ “ชัชชาติ” กำลังดำเนินการ คือการนำ “เทคโนโลยี” มารับใช้ระบบบริการและรับใช้ประชาชนอย่างเต็มรูปแบบผ่านโครงการที่ชื่อว่า “ราชพิพัฒน์ Sandbox Model” ซึ่งประกอบสร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของ “ภาคเอกชน” ที่เข้ามาหนุนเสริมการทำงานของราชการ
“เมื่อใดก็ตามที่เราสร้างความไว้วางใจ สร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชนได้ ก็จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเราจำนวนมาก เพราะทุกคนอยากเห็นเมืองที่ดีขึ้น”
สำหรับโครงการ “ราชพิพัฒน์ Sandbox Model” ถือเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ ระหว่าง โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ สังกัดสำการแพทย์ กทม. ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย สำนักงานเขตบางแค ทวีวัฒนา หนองแขม ตลิ่งชัน ภาษีเจริญ ตลอดจนเครือข่ายภาคประชาชน และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
การให้บริการจะใช้เทคโนโลยีร่วมกับระบบบริการขนส่งสาธารณสุข ประกอบด้วย 1. รถ Telemedicine-Ambulance รับการประสานงานจากศูนย์เอราวัณและเพิ่มช่องทางการติดต่อฉุกเฉินให้ประชาชน เพิ่มอุปกรณ์ที่ทันสมัยให้แพทย์รักษาผู้ป่วยได้ถึงที่เกิดเหตุและบนรถฉุกเฉิน 2. รถ Motor lance (มอเตอร์ไซค์ฉุกเฉิน) หน่ายเคลื่อนที่เร็วเพื่อประเมินปฐมพยาบาลและกู้ชีวิตรักษาทันทีที่เกิดเหตุ เข้าถึงชุมชนได้ง่ายรวดเร็วมากขึ้นโดยเฉาพะชุนชนที่รถฉุกเฉินเข้าถึงยากและการจราจรติดขัด
3. รถ Commu-lance เหมือนศูนย์บริการสาธารณสุขเคลื่อนที่ เจ้าหน้าที่และรถสามารถเข้าไปบริการผุ้ป่วยถึงชุมชนด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถเจาะเลือด ตรวจร่างกาย เอ็กซเรย์และปรึกษาแพทย์ได้ด้วยระบบเทคโนโลยี และใช้ระบบส่งยาไปที่บ้านหรือรับยาร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. ในอนาคต รวมทั้งใช้ระบบบริการขนส่งสาธารณสุข ประกอบด้วย รถรับส่งผู้สูงอายุและผู้พิการ และรถโดยสาร ชุมชน-โรงพยาบาล
นี่เป็นแค่เทคโนโลยี แต่ยังไม่ใช่ Sandbox ทั้งหมด
ทว่าโครงการภายใต้ “Sandbox ราชพิพัฒน์ Model” จะประกอบด้วย 3 โครงการใหญ่ ได้แก่
1. พัฒนา Excellent center เวชศาสตร์เขตเมือง ควบคู่การดูแลคนเมือง โดยพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์สาขาต่างๆ ให้ประชาชนได้รับบริการทั่วถึงและเข้าถึงง่ายมากขึ้น เช่น Service plan โรคเบาหวาน, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคไต ฯลฯ
2. เปิดศูนย์เวชศาสตร์เขตเมืองราชพิพัฒน์เพื่อการฟื้นฟูและดูแลผู้ป่วยประคับประคอง เป็นแห่งแรกของ กทม. และสร้างความเข้มแข็งระดับชุมชน โดยเปิด “Community IMC บ้านผู้สูงวัย” หรือศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพชุมชน กทม. จัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ ชุมชน เพื่อสร้างระบบดูแลผู้สูงอายุในชุมชนอย่างเข้มแข็ง เปิดโครงการ Pre-school บ้านเด็กเล็ก กทม. เพิ่มขึ้น และโครงการนักสืบฝุ่นโดยติดตั้งเครื่องวัด PM2.5 ไว้ในชุมชนทั้ง 5 เขต ติดตามหาสาเหตุของฝุ่นเพื่อป้องกันแก้ไข เป็นต้น
3. เปิดศูนย์สนับสนุนเวชศาสตร์เขตเมือง หรือศูนย์สนับสนุนบริการคนเมือง สร้างบริการให้ระบบปฐมภูมิเข้มแข็งโดยใช้หลัก Hi-touch และ Hi-tech ประกอบด้วยระบบเทคโนโลยี และระบบบริการขนส่งสาธารณสุข อาทิ
- โครงการ Urban medicine support center ประชาชนสามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพ 24 ชั่วโมงผ่านระบบโทรศัพท์ VDO call center โดย Scan QR code ใน Facebook โรงพยาบาลราชพิพัฒน์
- โครงการ Telemedicine ประชาชนสามารถปรึกษา รักษากับแพทย์ผ่านระบบรักษาทางไกล และใช้ระบบส่งยาไปที่บ้านหรือรับยาร้านยาที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช.
- โครงการ Telemedicine consult ระบบปรึกษาการรักษาระหว่างพยาบาลและแพทย์ที่คลินิกอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลเหมือนทำให้คนไข้ได้รับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น และลดการส่งต่อการที่ผู้ป่วยต้องเดินทางมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น
- โครงการ Urban medicine home care ระบบเยี่ยมบ้านและฝากร่างกาย Online เพื่อให้แพทย์พยาบาลที่คลินิกอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุข และโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ได้ติดตามอาการคนไข้หลังการรักษาร่วมกัน และถ้าผู้ป่วยพบปัญหาสามารถโทรปรึกษาเจ้าหน้าที่ได้ 24 ชั่วโมง ลดการส่งต่อการที่ผู้ป่วยต้องเดินทางมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น
“หัวใจของ Sandbox คือทำ scale ให้ได้ ทำอย่างไรให้มีรถ Motor lance 300 คันทั่ว กทม. ทำอย่างไรมีรถ Commu-lance 150 คัน ลงไปบริการชุมชนในทุกเขต ทำอย่างไรให้มีศูนย์เด็กอ่อน 3 เดือน - 2ขวบเพิ่มขึ้นกระจายทุกชุมชน
“มากไปกว่านั้น เมื่อเราพิสูจน์ Sandbox นี้แล้วเราจะ scale หรือขยายผลอย่างไร ดังนั้นต้องให้เห็นผลที่เป็นรูปธรรมที่ขยายผลออกไป 1 เดือนขยายผลถึงไหน 2 เดือนขยายผลถึงไหน และเมื่อใดจะครบทั้งกรุงเทพมหานคร ... ภายใน 1 ปีได้หรือไม่” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว
- 603 views