ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

หน่วยไตเทียม รพ.ราชวิถี เตรียมความพร้อมรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ภายหลัง สปสช. ประกาศเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองตัดสินใจร่วมกับแพทย์ ในการเลือกวิธีบำบัดทดแทนไตตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป โดยไม่ต้องเริ่มจากวิธีล้างไตผ่านช่องท้องอีกต่อไป


นางสุพัตรา โลหะโรจน์วิเชียร พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ รักษาการแทนหัวหน้าหน่วยไตเทียม โรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า ทางหน่วยไตเทียมได้วางแผนเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังทั้งรายเก่าและรายใหม่ ภายหลังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ประกาศนโยบายเพิ่มทางเลือกในการบำบัดผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ด้วยการให้ผู้ป่วยสามารถเลือกรับบริการฟอกไตได้ทั้งวิธีล้างไตผ่านช่องท้อง และการฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป

นางสุพัตรา กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้มาติดต่อขอใช้สิทธิในการฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียมบ้างแล้ว โดยโรงพยาบาลกำลังรอแนวทางการบริการจาก สปสช.เพื่อดำเนินการต่อ อีกทั้งทางหน่วยไตเทียมก็ได้วางแผนเพื่อขยายพื้นที่ และเพิ่มจำนวนเตียง รวมถึงเครื่องฟอกไตเทียมเพื่อรองรับผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ที่ประสงค์จะเข้ารับการฟอกเลือดด้วยวิธีดังกล่าว

นางสุพัตรา กล่าวอีกว่า ก่อนที่วิธีการฟอกเลือดจะถูกเพิ่มเข้ามาในสิทธิบัตรทอง การฟอกเลือดเป็นวิธีสำหรับคนไข้ในกลุ่มที่รับการฟอกไตผ่านช่องท้องแล้วมีอากาศติดเชื้อรุนแรง หรือพบว่ามีโรคแทรกซ้อนจนไม่สามารถฟอกไตผ่านช่องท้องได้ ทางหน่วยล้างไตจะต้องยื่นอุธรณ์ผ่านไปยัง สปสช.เพื่อขอให้คนไข้ใช้วิธีฟอกเลือดแทนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หรืออีกกรณีคือการที่คนไข้ไม่สะดวกรับการฟอกไตผ่านช่องท้อง และยินยอมเสียค่าใช้จ่ายในการฟอกเลือดผ่านเครื่องไตเทียมด้วยตนเอง 

“การเพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วยไตวายเรื้อรังได้มีสิทธิ์เลือกวิธีการบำบัดทดแทนไตร่วมกับแพทย์ในขั้นตรวจคัดกรองนั้น จะทำให้คนไข้ได้เลือกในวิธีที่ต้องการและเหมาะสมที่สุดกับคนไข้ ซึ่งเป็นนโยบายที่ดี” นางสุพัตรา กล่าว

อนึ่ง นโยบายที่ สปสช. ประกาศคือ “นโยบายเลือกฟอกไตแบบที่ใช่ได้ทุกคน” ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง ให้สามารถปรึกษาหารือร่วมกับแพทย์ในการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยไม่จำกัดว่าต้องเริ่มต้นด้วยวิธีการล้างไตผ่านช่องท้องเป็นลำดับแรกเหมือนที่ผ่านมา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป