ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สมาพันธ์บริการสุขภาพแห่งชาติอังกฤษ เสนอ 5 แนวทางยกระดับระบบสุขภาพต่อรัฐบาลชุดใหม่ที่จะมาจากการเลือกตั้งในปีนี้ เน้นสร้างความยั่งยืน เพิ่มงบประมาณ และทำงานข้ามหน่วนงานโดยตั้งเป้าหมายให้ประชาชนมีสุขภาพดี

ตั้งแต่ก่อตั้งบริการสุขภาพแห่งชาติ หรือ National Health Security (NHS) ในปี 2491 เป็นต้นมา NHS ได้กลายเป็นสถาบันสุขภาพที่คนอังกฤษให้ความไว้ใจอย่างมาก

แต่ในสองทศวรรษที่ผ่านมา NHS เผชิญกับแรงกดดันที่ส่งผลต่อการลดประสิทธิภาพบริการ ด้วยปัจจัยหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ความต้องการบริการสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น และจำนวนประชากรสูงอายุพุ่งสูงขึ้น

สถานการณ์นี้ส่งผลให้สมาพันธ์แห่ง NHS หรือ NHS Confederation ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นผู้นำในภาคส่วนสุขภาพในอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ออกมาเรียกร้องต่อรัฐบาลจากการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ ให้ทำมาตรการที่สร้างความยั่งยืนให้กับระบบสุขภาพ

กลุ่มสมาพันธ์ ระบุว่า NHS มีทรัพยากรที่สนับสนุนเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก โดยในทุก 1 ปอนด์ที่ลงทุนใน NHS เศรษฐกิจจะได้รับผลตอบแทนกลับมา 4 ปอนด์

หากรัฐบาลชุดต่อไปตั้งเป้าหมายยกระดับการลงทุนใน NHS แล้ว จะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจไปได้พร้อมๆ กัน

อย่างไรก็ดี มีแนวโน้มที่งบประมาณของ NHS และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะถูกรัดเข็มขัดมากขึ้นจนถึงปี 2568 ทำให้การใช้จ่ายด้านสุขภาพต้องประหยัดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมทั้งต้องแก้ไขปัญหาบริการสุขภาพที่เสี่ยงถอยหลัง โดยเฉพาะบริการสุขภาพด้านการดูแลเด็กและเยาวชนที่ได้รับแรงเสียดทานจากงบประมาณจำกัดจำเขี่ย

กลุ่มสมาพันธ์พร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาลชุดใหม่ โดยขอให้รัฐบาลสนับสนุนเครื่องมือและงบประมาณที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องการ

พร้อมเปิดรับโอกาสจากเทคโนโลยีชีวการแพทย์ ปัญญาประดิษฐ์ การจัดบริการสุขภาพให้เหมาะกับบุคคล และการรณรงค์ให้ผู้คนดูแลสุขภาพตนเอง รวมทั้งยึดหลักความเสมอภาคในการจัดบริการสุขภาพ

โดยมีข้อเสนอ 5 ข้อหลัก ได้แก่

1. ทำให้ NHS ยั่งยืนมากขึ้นโดยหลีกเลี่ยงการปฏิรูปโครงสร้างแบบบนลงล่าง และทำมาตราการระยะสั้น 12 เดือนแรกหลังมีผู้แทนรัฐสภาใหม่ เน้นการฟื้นคืนประสิทธิภาพให้ระบบ ไม่ว่าจะเป็นบริการแพทย์ฉุกเฉิน บริการแพทย์ปฐมภูมิ และบริการสุขภาพจิตในระดับชุมชน

2. เพิ่มงบประมาณ NHS และปฏิรูปการใช้จ่ายงบประมาณ โดยต้องเพิ่มทุนเป็น 14,100 พันล้านปอนด์ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้น 6,400 ล้านปอนด์จากงบประมาณเดิม 7,700 พันล้านปอนด์ เพื่อเพิ่มผลิตผลและทรัพยากรที่ช่วยลดเวลาการรอคิว

3. จัดสรรงบประมาณและทำแผนบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมกับทำแผนส่งเสริมงานดูแลทางสังคมระยะยาว

4. เพิ่มการจัดบริการใกล้บ้าน และเพิ่มการลงทุนระบบสุขภาพท้องถิ่น โดยเฉพาะด้านแพทย์ปฐมภูมิ บริการสุขภาพชุมชน สุขภาพจิต และการดูแลทางสังคม

5. ทำกลยุทธ์ด้านสุขภาพแห่งชาติ โดยนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรควรส่งเสริมภารกิจยกระดับสุขภาพข้ามหน่วยงานรัฐบาล เน้นส่งเสริมและป้องกันโรค แทนที่จะรักษาโรคเพียงอย่างเดียว ลดความไม่เหลื่อมล้ำ จัดการปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ และสนับสนุนประชาชนให้ดูแลสุขภาพตนเอง

กลุ่มสมาพันธ์ย้ำว่าการแก้ไขปัญหาสุขภาพต้องการความชัดเจนในเชิงกลยุทธ์และแนวทางการลงทุนในระยะยาว ควรหลีกเลี่ยงการปฏิรูปโครงสร้างที่จะก่อให้เกิดการแตกหักในช่วงแรกของรัฐบาลใหม่

และเน้นสร้างระบบดูแลระบบแบบองค์รวม (Integrated Care System) ซึ่งเข้าใจความต้องการของชุมชน ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการมากขึ้น ส่งผลให้ผลลัพธ์ทางสุขภาพชุมชนดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ และยังช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับ NHS อีกด้วย

อ่านข่าวต้นฉบับ:

https://www.nhsconfed.org/publications/building-health-nation-priorities-new-government