ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เลขาธิการ สปสช. เปิดรายละเอียดบริการ Telemedicine สำหรับคนไทยสิทธิบัตรทองทั่วโลก ระบุ ขณะนี้อยู่ระหว่างประสาน ก.ต่างประเทศทั่วโลก จัดทำรายชื่อยา OTC Drugs ให้คนไทยสามารถซื้อเองได้หลังจากได้รับการวินิจฉัย คิกออฟ 15 ม.ค.นี้ 


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยกับ “The Coverage” ถึงแนวทางการจัดบริการการแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine (เทเลเมดิซีน) สำหรับประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง หรือบัตร 30 บาท) ที่อยู่ต่างประเทศ ตอนหนึ่งว่า รัฐบาล และ สปสช.จะเริ่มให้บริการในวันที่ 15 ม.ค. 2567 โดยผู้ที่ใช้สิทธิบัตรทองที่อยู่ในพื้นที่ต่างประเทศ จะสามารถพบแพทย์ออนไลน์ ซึ่งเป็นแพทย์ของประเทศไทยได้ทันที

ทั้งนี้ ถือเป็นนวัตกรรมการพบแพทย์แบบใหม่ของโลก ที่ประชาชนสามารถพบแพทย์ในประเทศตัวเองได้ แม้ว่าจะอยู่คนละประเทศก็ตาม

นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับการให้บริการนั้น คนไทยสิทธิบัตรทองที่อยู่ต่างประเทศเพียงแค่นำบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง ลงทะเบียนและกรอกข้อมูลลงในระบบจากสมาร์ทโฟน ผ่านทั้ง 4 แอปพลิเคชั่น ที่ร่วมกับ สปสช. ในการเป็นหน่วยบริการให้คำปรึกษาสุขภาพผ่านระบบ Telemedicine จากนั้นก็จะได้พบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อเสร็จสิ้นการวินิจฉัยอาการของแพทย์ จะมีการออกใบสรุปผลการวินิจฉัย รวมถึงคำแนะนำในการปฏิบัติตัว รวมถึงรายชื่อยาที่สามารถไปซื้อได้เองตามร้านยาในประเทศนั้นๆ 

“ตอนนี้ สปสช. กำลังประสานกระทรวงการต่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลก เพื่อขอรายชื่อยาสามัญที่ผู้ป่วยสามารถไปซื้อได้เอง หรือที่เรียกว่า Over The Counter Drugs หรือ OTC Drugs ซึ่งเป็นยาจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ สามารถซื้อขายได้จากร้านค้า หรือร้านขายยาทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งยาของแพทย์ เพราะต้องยอมรับว่า การพบแพทย์ Telemedicine ข้ามประเทศ เราไม่สามารถส่งยาจากประเทศไทยไปให้ได้ และแพทย์ไทยก็ไม่สามารถสั่งยาในต่างประเทศได้เช่นกัน แต่ผู้ป่วยจะได้รายชื่อยาเพื่อไปซื้อได้เองจากการแนะนำของแพทย์ผ่านระบบ Telemedicine” เลขาธิการ สปสช. กล่าว 

นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า กลุ่มเป้าหมายที่ให้บริการคือคนไทยที่มีสิทธิบัตรทอง 30 บาทหรือหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทุกคน ที่มีบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง และไม่ว่าจะไปอยู่ต่างประเทศด้วยสถานะใดทั้งไปท่องเที่ยว และไม่ได้ซื้อประกันเดินทางเอาไว้ หรือแรงงานไทยในต่างประเทศทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ก็สามารถเข้าถึงบริการนี้ได้ทั้งหมด เพราะ สปสช. มุ่งเน้นบริการสุขภาพให้กับคนไทยโดยไม่มีการแบ่งแยกใด 

เราจะไม่ถามว่าคุณไปอยู่ต่างประเทศถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา และเป็นเรื่องส่วนบุคคล เราจะมุ่งเน้นการให้คุณได้เข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเดียว นพ.จเด็จ กล่าวย้ำ 

เลขาธิการ สปสช. กล่าวด้วยว่า การให้บริการ Telemedicine ให้กับคนไทยสิทธิบัตรทองในต่างประเทศ จะเป็นระบบบริการระยะยาว แต่ สปสช. จะวัดผลในระยะแรกเริ่มทั้งในเชิงปริมาณการใช้บริการ คุณภาพการให้บริการ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบให้ดีขึ้น รวมไปถึงเพื่อเป็นข้อมูลในการขยายบริการ  

นอกจากนี้ ในส่วนภาคเอกชน ที่มีร่วมให้บริการ Telemedicine กับ สปสช. ผ่านทั้ง 4 แอปพลิเคชั่น ก็มีความพร้อมในการให้บริการอย่างเต็มที่แล้ว  

“หากคนไทยที่อยู่ต่างประเทศเจ็บป่วย ทั้งเล็กน้อย หรือรุนแรงก็ตาม การไปพบหมอในต่างประเทศอาจเจออุปสรรคปัญหา โดยเฉพาะด้านภาษา ก็ขอให้ใช้บริการ Telemedicine ที่จะได้พบกับแพทย์คนไทย เพื่อขอคำปรึกษา หรือคำแนะนำก่อน และอย่าได้เกรงใจ จะเจ็บน้อยหรือเจ็บมาก ก็ขอให้ใช้ระบบนี้ เพราะอย่างไร การได้คุยกับหมอคนไทยด้วยกันก็เข้าใจกันมากกว่า และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ อีกด้วย เพียงแค่ต้องมีบัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง สมาร์ทโฟน และสัญญาณอินเทอร์เน็ต ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยที่อยู่ต่างประเทศเข้าถึงได้อยู่แล้ว” เลขาธิการ สปสช. กล่าวย้ำในตอนท้าย 

อนึ่ง สำหรับ 4 แอปพลิเคชั่น ที่ร่วมกับ สปสช. ในการเป็นหน่วยบริการให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ ได้แก่ แอปฯ Saluber MD, Clicknic, Mordee และ Totale Telemed 

ทั้งนี้ ประชาชนหรือคนไทยสิทธิบัตรทองที่อยู่ต่างประเทศ และต้องการใช้บริการซึ่งจะเริ่มในวันที่ 15 ม.ค. 2567 นี้ สามารถตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลได้ที่เว็บไซต์ สปสช., ไลน์ OA สปสช. @nhso และแอปพลิเคชัน สปสช. โดยใช้หนังสือเดินทาง หรือเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ในการยืนยันตัวตนการใช้สิทธิในการขอรับบริการ