ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. จับมือกรมราชทัณฑ์และภาคีเครือข่าย เปิดศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพผู้ต้องขังสูงอายุเรือนจำกลางบางขวาง ช่วยดูแลสุขภาพผู้ต้องขังสูงอายุตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสมรรถภาพ ดูแลแบบ Long term care จนถึงการดูแลระยะสุดท้าย หวังเพิ่มคุณภาพชีวิตลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพไม่ต่างจากคนภายนอก


กรมราชทัณฑ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี เทศบาลนครนนทบุรี โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรี และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 4 สระบุรี จัดพิธีเปิด “ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพผู้ต้องขังสูงอายุเรือนจำกลางบางขวาง” ณ ฝ่ายควบคุมแดน 4 ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง เรือนจำกลางบางขวาง เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา 

1

นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรอย่างรวดเร็ว โดยมีสัดส่วนของประชากรผู้สูงอายุประมาณ 14.7% และคาดการณ์ว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะมีผู้สูงอายุมากกว่า 20% ขณะที่ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ก็ได้จัดทำโครงการราชทัณฑ์ปันสุขทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังให้เกิดความเท่าเทียมกับคนภายนอกให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ด้วยเหตุนี้จึงมีแนวคิดในการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพผู้ต้องขังสูงอายุ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมสุขภาพและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ต้องขังสูงอายุในเรือนจำ โดยศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพผู้ต้องขังสูงอายุเรือนจำกลางบางขวางจะเป็นศูนย์ฯต้นแบบในการดำเนินการและจะขยายไปยังเรือนจำอื่นๆทั่วประเทศต่อไป

4

ทั้งนี้ เรือนจำบางขวางเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง ให้การควบคุมผู้ต้องขังชายที่มีกำหนดโทษสูงตั้งแต่ 15 ปีจนถึงโทษประหารชีวิต เป็นผลให้ผู้ต้องขังต้องใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือนจำเป็นเวลานาน จากวัยหนุ่มก้าวเข้าสู่วัยกลางคนและวัยผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ต้องขังทั้งหมด 4,937 คน และมีผู้ต้องขังสูงอายุ 223 คน ถือว่าเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้ง่ายเนื่องจากเกิดภาวะทดถอยทางสุขภาพและการเจ็บป่วยต่าง ๆ อีกทั้งผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาการเจ็บป่วยด้วยหลายโรคและเรื้อรัง ด้วยเหตุนี้จึงได้จัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพผู้ต้องขังสูงอายุฯ ขึ้นในแดน 4 ซึ่งเป็นแดนที่มีผู้ต้องขังสูงอายุจำนวนมาก โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรีในการมอบอุปกรณ์ฟื้นฟูสุขภาพ 52 รายการ พร้อมทีมวิทยากรจากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าและศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรีในการอบรมหลักสูตรผู้ดูแลผู้สูงอายุ 70 ชม. และหลักสูตรนักฟื้นฟูชุมชน 50 ชม. แก่ผู้ต้องขังที่เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขเรือนจำ (อสรจ.) จำนวน 25 คน รวมทั้งเทศบาลนครนนทบุรี ในการสนับสนุนนักกายภาพบำบัดเข้าบำบัดฟื้นฟูผู้สูงอายุภายในศูนย์ฯ อีกด้วย

4

ด้าน นพ.สาธิต ทิมขำ ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 4 สระบุรี กล่าวว่า สปสช. ต้องการเห็นคนไทยทุกคนได้เข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ซึ่งผู้ต้องขังก็เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ควรได้รับสิทธิในการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่ต้องโทษนานก็จะมีประเด็นเรื่องโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิต มะเร็ง ฯลฯ ที่มีโอกาสเจ็บป่วยได้เหมือนคนภายนอก ซึ่ง สปสช. ก็ได้จัดงบประมาณในการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังโดยเฉพาะ บางรายการต้องได้มากกว่าคนภายนอกด้วย เช่น ผู้ต้องขังที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการประกอบอาหาร คนกลุ่มนี้ต้องดูแลในเรื่องโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจเป็นพิเศษมากกว่าปกติ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการระบาดของโรคได้ เป็นต้น 

5

"แต่เดิมมีอุปสรรค เช่น เข้ามาอยู่ในเรือนจำเลยไม่ได้ย้ายสิทธิการรักษามาด้วย สถานพยาบาลในเรือนจำก็ไม่ได้มีมาก แต่ระยะหลังกรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมากในการให้ผู้ต้องขังเข้าถึงบริการสุขภาพได้ไม่เหลื่อมล้ำกับคนภายนอก เริ่มมีการย้ายสิทธิให้ผู้ต้องขังมีสิทธิสุขภาพก่อน จากนั้นก็มีสถานพยาบาลเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายในการดูแล ขณะที่ สปสช.ก็สนับสนุนให้เกิดการจัดบริการ อย่างการเปิดศูนย์ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพผู้ต้องขังสูงอายุเรือนจำกลางบางขวางในครั้งนี้ก็มองว่าผู้ต้องขังสูงอายุควรได้รับบริการเป็นพิเศษ เช่น บริการฟื้นฟูกายภาพบำบัด การดูแลผู้ต้องขังที่มีภาวะพึ่งพิง หรือแม้แต่การดูแลระยะสุดท้าย ซึ่งจะช่วยทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น" นพ.สาธิต กล่าว