ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คปภ.เผย 5 อันดับความเสี่ยงจากมุมมองภาคธุรกิจประกันภัยไทย พบกลุ่มวินาศภัยยก "โรคระบาด-ติดเชื้อ" เป็นความเสี่ยงที่บริหารจัดการยากที่สุด ส่วนภาพรวมประกันชีวิต-วินาศภัยไทย ค่อนข้างมั่นใจระยะ 3 ปี ยังมีเสถียรภาพรับมือสถานการณ์ต่างๆ ได้


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ได้ดำเนินการวิเคราะห์และติดตามความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันภัย เพื่อลดโอกาสในการเกิดความเสี่ยง และความรุนแรงของความเสี่ยงภายในธุรกิจประกันภัย โดยได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงของธุรกิจประกันภัยไทย ประจำปี 2564

สำหรับผลสำรวจความคิดเห็นของความเสี่ยงสำคัญ 5 อันดับแรกที่ "ธุรกิจประกันวินาศภัย" เห็นว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ประกอบด้วย 1. โรคระบาดหรือติดเชื้อ อาทิ โรคโควิด-19 โดยให้ความเห็นเป็นความเสี่ยงที่บริหารจัดการยากที่สุด 2. ความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ อาทิ การโจมตีไซเบอร์ 3. การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก/การชะงักงันทางเศรษฐกิจ 4. สภาพการแข่งขันในตลาดประกันภัยที่รุนแรง 5. ความเสี่ยงจาก Disruptive Technology อาทิ Cryptocurrency, AI, Big Data และภัยธรรมชาติ/ภัยพิบัติ

ในส่วนของผลสำรวจความเสี่ยงสำคัญ 5 อันดับแรกของ "ธุรกิจประกันชีวิต" ได้แก่ 1. ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย อาทิ ความเสี่ยงที่เกิดภายใต้ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2. ความเสี่ยงด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ อาทิ การโจมตีไซเบอร์ 3. โรคระบาดหรือติดเชื้อ อาทิ โรคโควิด-19 4. ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก/การชะงักงันทางเศรษฐกิจ โดยให้ความเห็นว่าเป็นความเสี่ยงที่บริหารจัดการยากที่สุด 5. ความเสี่ยงจาก Disruptive Technology อาทิ Cryptocurrency, AI และ Big Data

นายสุทธิพล กล่าวว่า การสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจแนวทางและมุมมอง เพื่อประกอบการวิเคราะห์และติดตามความเสี่ยงที่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพของธุรกิจประกันภัยไทย ให้ครอบคลุมทุกมิติและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงนำผลสำรวจดังกล่าวมาเป็นข้อมูลความเสี่ยงประกอบการกำหนดสถานการณ์จำลอง ในการจัดทำการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต และกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัย

"ความเสี่ยงสำคัญ 5 อันดับแรก ทั้งจากธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันวินาศภัย พบว่ามีความคล้ายคลึงกันคือส่วนใหญ่เป็นความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ซึ่งถือว่าเป็น External Factors ที่ยากต่อการควบคุม" นายสุทธิพล กล่าว

นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า ในส่วนมุมมองต่อเสถียรภาพของธุรกิจประกันภัยไทยในระยะข้างหน้า ทั้งธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัยส่วนใหญ่ประเมินว่า มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบรุนแรงต่อเสถียรภาพของธุรกิจประกันภัยไทยอยู่ในระดับ “ปานกลาง” ถึง “สูง” ทั้งในระยะสั้น 1 ปีข้างหน้า และระยะปานกลาง 1-3 ปีข้างหน้า อีกทั้งมีความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบรุนแรงในระยะสั้นและระยะยาวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับ 1 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมทั้ง 2 ธุรกิจยังคงมีความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของธุรกิจประกันภัยไทยในระยะ 3 ปีข้างหน้า ซึ่งจากผลสำรวจพบว่ามีสัดส่วนของผู้ที่ตอบ “ค่อนข้างมั่นใจ” เกิน 50% ของจำนวนผู้ที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมด

“จากผลสำรวจ Risk Survey ที่ได้รับในครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนผู้เอาประกันภัยทราบความคิดเห็นของผู้บริหารธุรกิจประกันภัยไทย สำหรับปัจจัยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจได้ว่าระบบประกันภัยยังมีความพร้อม ที่จะเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพให้กับประชาชนได้” เลขาธิการ คปภ. กล่าว