ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

EOC สธ. กำหนดแนวทางการใช้ "Rapid Antigen Test" สำหรับสถานการณ์ที่มีการติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนวงกว้าง หลังคนจำนวนมากรอคิวตรวจ-เข้าไม่ถึง RT-PCR


นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการตามระบบบัญชาการเหตุการณ์ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีมติให้มีการกำหนดแนวทางการใช้การตรวจหาแอนติเจนโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test เพื่อใช้ในการตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อโควิด-19

ทั้งนี้ เนื่องจากวิธีมาตรฐานในปัจจุบัน คือ วิธี RT-PCR ซึ่งแต่ละรอบใช้เวลา 3-5 ชั่วโมง ซึ่งโดยทั่วไปสามารถออกผลได้ภายใน 24 ชั่วโมง ขึ้นกับปริมาณจำนวนสิ่งส่งตรวจ จำนวนบุคลากรและเครื่องตรวจ แต่ในบางพื้นที่ บางช่วงเวลา ยังพบว่ามีผู้รอคิวเข้ารับการตรวจจำนวนมาก หรือไม่สามารถเข้าถึงบริการการตรวจด้วยวิธี RT-PCR ได้

ดังนั้น EOC จึงกำหนดแนวทางการตรวจหาแอนติเจน ประกอบด้วย 1. ชุดตรวจที่ใช้ต้องผ่านการประเมินและขึ้นทะเบียนแล้วกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 2. ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ใช้โดยสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนที่ผ่านการรับรองทางห้องปฏิบัติการเครือข่ายตรวจ SARS-CoV-2 โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

3. ตัวอย่างที่ใช้ตรวจเก็บจากการแหย่จมูกตามที่ชุดตรวจกำหนด 4. ผู้ป่วยที่มีอาการให้มีการพิจารณาการตรวจด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR ก่อน 5. กรณีที่มีผู้ป่วยจำนวนมากให้ใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ถ้าให้ผลบวกให้ตรวจยืนยันด้วย RT-PCR 6. ผู้สงสัยแต่ไม่มีอาการให้ตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ Rapid Antigen Test

นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า กรมฯ กำลังพิจารณาแนวทางการดำเนินการ สำหรับการใช้ชุดตรวจ Antigen test แบบ Home use หรือชุดทดสอบด้วยตนเอง (Self test) โดยเร็ว เพื่อให้การดำเนินการมีความเหมาะสม ปฏิบัติได้จริง เกิดประโยชน์ และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด นอกจากนี้กำลังพิจารณาการเพิ่มการเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ร่วมกับการใช้วิธีอื่นๆ เช่น การตรวจน้ำลาย, การตรวจแบบรวมตัวอย่าง (Pooled Samples) เป็นต้น