ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. ไม่นิ่งนอนใจ เร่งแก้ปัญหาผลกระทบผู้ป่วย “OP New Model 5” พื้นที่ กทม. หลังผู้ป่วยบัตรทองร้องเรียนปัญหาการเข้ารับบริการเพิ่มต่อเนื่อง เผยประสานเครือข่ายหน่วยบริการทั้ง รพ. ศบส. ลงพื้นที่คลินิกชุมชนอบอุ่น พร้อมประชุมร่วมคณะทำงานทุติยภูมิ ตติยภูมิ เคลียร์ปมการเบิกจ่าย ช่วยสร้างความมั่นใจ รพ. ในการร่วมดูแลผู้ป่วยช่วงเปลี่ยนผ่าน ขณะที่คณะทำงานชุดปฐมภูมิเตรียมประชุมแนวทางให้บริการพรุ่งนี้ 


พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่มีประชาชนผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ร้องเรียนปัญหาการเข้ารับบริการผ่านทางสายด่วน สปสช. 1330 และทางสื่อโซเชียลมีเดียขณะนี้ ภายหลังจากที่ สปสช. เขต 13 กทม. ได้ดำเนินการปรับระบบการเบิกจ่ายค่าบริการของหน่วยบริการปฐมภูมิ (คลินิกชุมชนอบอุ่น) เป็น OP New Model 5 ในรูปแบบเหมาจ่ายรายหัว ตามข้อเสนอของทางคลินิกชุมชนอบอุ่นที่ร่วมให้บริการ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ต้องเรียนว่า สปสช. ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของประชาชนและได้พยายามเร่งแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด ภายหลังจากที่เริ่มระบบการเบิกจ่ายรูปแบบใหม่แล้ว สปสช. ได้มีการจัดตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ พร้อมประสานความร่วมมือไปยังคณะทำงานชุดต่างๆ เพื่อรับทราบปัญหาและร่วมแก้ไขสถานการณ์อย่างต่อเนื่องมาตลอด โดยปัญหาที่ร้องเรียน คือ คลินิกปฏิเสธส่งตัว คลินิกไม่ส่งตัวหน่วยรักษาเดิม คลินิกกำหนดเงื่อนไขออกหนังสือส่งตัว ไม่ส่งต่อหน่วยบริการรับส่งต่อตามสิทธิ และ รพ.ปฏิเสธให้บริการ บริการปฐมภูมิไปที่ไหนก็ได้ (OP Anywhere.) ขอให้ได้รับการส่งตัวจากศูนย์บริการสาธารณสุขตามขั้นตอนเดิม และศูนย์บริการสาธารณสุขปฏิเสธไม่ให้ใช้สิทธิและให้กลับไปรักษาที่หน่วยบริการปฐมภูมิ เป็นต้น

1

พญ.ลลิตยา กล่าวว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะทำงานชุดทุติยภูมิเพื่อกำหนดแนวทางการให้บริการเพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นในส่วนประชาชนที่ได้รับบริการที่ รพ. ก่อน ตามแนวทาง ดังนี้  

กรณีที่ผู้ป่วยมีบัตรนัดของโรงพยาบาล แต่ไม่มีใบส่งตัวของหน่วยบริการปฐมภูมิต้นสังกัด ขอความอนุเคราะห์จากทางโรงพยาบาลให้บริการประชาชนและเบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเจ็บป่วยฉุกเฉิน (OP AE), OP Anywhere หรือ CA Anywhere (โรคมะเร็งไปที่ไหนก็ได้) ฯลฯ และกรณีที่ผู้ป่วยมีบัตรนัดของโรงพยาบาล แต่ใบส่งตัวจากหน่วยบริการอื่น เบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทุน OP AE, OP Anywhere หรือ CA Anywhere ฯลฯ

กรณีไม่มีบัตรนัด หากเป็นผู้ป่วยอุบัติเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์โรงพยาบาลต้องให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโดยไม่ชักข้า และไม่ต้องขอหนังสือส่งตัวจากต้นสังกัดเบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทุน OP AE ส่วนผู้ป่วยที่ไม่ใช่อุบัติเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ และโรงพยาบาลเห็นควรว่าไม่ควรรอให้โรงพยาบาลให้บริการไปก่อน เบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทุน OP AE ,OP Anywhere หรือ CA Anywhere ฯลฯ

กรณีที่หน่วยบริการปฐมภูมิต้นสังกัดมีใบส่งตัว ขอให้หน่วยบริการที่รับการส่งต่อให้การรักษาได้ เบิกค่ารักษาพยาบาลตามระบบ FS จากคลินิกชุมชนอบอุ่น หรือกองทุนที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยเกินศักยภาพของโรงพยาบาลรับส่งต่อแห่งที่ 1 ให้โรงพยาบาลรับส่งต่อแห่งที่ 1 ส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ที่มีศักยภาพได้ โดยไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวที่คลินิกปฐมภูมิตันสังกัด โดยให้แจ้งให้หน่วยบริการปฐมภูมิต้นสังกัดทราบ และเบิกค่ารักษาพยาบาลจากกองทุน OP Refer หลังจากนั้น และหากโรงพยาบาลแห่งที่ 2 เห็นว่ามีความจำเป็นต้องดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ให้ส่งประวัติการรักษากลับไปยังหน่วยบริการปฐมภูมิตันสังกัดพิจารณาการส่งตัวมายังโรงพยาบาลแห่งที่ 2 โดยขอความร่วมมือออกหนังสือส่งตัว อย่างน้อย 90 วัน

2

“จากแนวทางเบื้องต้นในการแก้ไขปัญหานี้ สปสช.ขอความอนุเคราะห์ความร่วมมือจากโรงพยาบาลระบบบัตรทองใน กทม. ทุกแห่ง เพื่อร่วมกันดูแลประชาชนในช่วงเปลี่ยนผ่านและลดความเดือนร้อนก่อน ซึ่งที่ผ่านมามีโรงพยาบาลหลายแห่ง อาทิ โรงพยาบาลภูมิพล โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นต้น ได้เรียกประชุมเครือข่ายคลินิกชุมชนอบอุ่นเพื่อชี้แจงแนวทางบริการแล้ว และเมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) ทาง สปสช. เขต 13 กทม. เองก็ได้มีการประชุมร่วมกับโรงพยาบาลระบบบัตรทองใน กทม. เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจ พร้อมขอความร่วมมือการให้บริการในช่วงเปลี่ยนผ่านอีกครั้งเช่นกัน รวมถึงได้มีการประชุมร่วมกับผู้บริหารสำนักอนามัย กทม. และศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) เพื่อความร่วมมือให้บริการผู้ป่วยเช่นกัน โดยในวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) จะมีการประชุมคณะทำงานชุดปฐมภูมิเพื่อวางแนวทางการให้บริการของคลินิกชุมชนอบอุ่นที่ชัดเจน รวมทั้งระบบการส่งต่อเพื่อให้โรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข และคลินิกสามารถดูแลผู้ป่วยร่วมกันได้อย่างเหมาะสม” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว 

พญ.ลลิตยา กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของประชาชนผู้ป่วยบัตรทองที่เข้ารับบริการนั้น ตาม OP Model 5 กรณีที่ผู้ป่วยใหม่ที่เจ็บป่วยหรือไม่สบาย ขอให้ไปรับบริการที่คลินิกชุมชนอบอุ่นตามสิทธิก่อน หากเกินศักยภาพคลินิกฯ จะออกใบส่งตัวให้ไปรับบริการที่โรงพยาบาลรับส่งต่อที่เป็นครือข่าย ส่วนผู้ป่วยที่มีนัดกับโรงพยาบาลรับส่งต่ออยู่แล้ว สามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามนัดได้ในครั้งแรก แต่หากมีนัดรักษาครั้งต่อไป ขอให้กลับไปที่คลินิกชุมชนอบอุ่นตามสิทธิก่อนเพื่อให้ประเมินอาการ หากเกินจากศักยภาพบริการ และออกใบส่งตัวให้ ในกรณีนี้รวมถึงผู้ป่วยที่มีใบส่งตัว 90 วันด้วย สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาการรับบริการนั้น โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคซับซ้อนที่ต้องรักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาล ขอให้แจ้งมายัง สปสช. ซึ่งจะพยายามประสานและแก้ไขปัญหาให้โดยเร็วที่สุด