“เทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง-รพ.สต.แจ้คอน” จ.ลำปาง ใช้ “งบกองทุนตำบล” จัดโครงการป้องกัน และชะลอไตเสื่อม เน้นปรับพฤติกรรมประชาชนในพื้นที่ ลดบริโภคหวาน-เค็ม โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน-ความดัน-กลุ่มเสี่ยง ใช้เครื่องมือตรวจเค็ม-โปรตีนในปัสสาวะ คืนข้อมูลให้เห็นเป็นรูปธรรม ลดอัตราผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรายใหม่
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พร้อมด้วย น.ส.จินตนา สันถวเมตต์ ผู้อำนวยการกลุ่มจังหวัด สปสช. เขต 1 เชียงใหม่ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงาน “โครงการป้องกัน และชะลอภาวะไตวายเรื้อรังในผู้ป่วยเรื้อรังอย่างยั่งยืน ปีงบประมาณ 2566” เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรค กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) เทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง ต.ทุ่งผึ้ง อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง โดยมี นายถวิล กุญชร นายกเทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง และ น.ส.พิมพา ล่ำสวย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแจ้คอน (รพ.สต. แจ้คอน) คณะผู้บริหารเทศบาลฯ ร่วมให้ข้อมูลการดำเนินงาน
น.ส.พิมพา ล่ำสวย ผู้อำนวยการ รพ.สต. แจ้คอน จ.ลำปาง กล่าวว่า โครงการป้องกันและชะลอไตเสื่อมที่ได้ดำเนินการมาตลอดปีงบประมาณ 2566 เป็นการเน้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ มีภาวะไตเสื่อมและกลายเป็นผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตทั้งผู้ป่วย และครอบครัว ตลอดจนเป็นปัญหาที่สำคัญของระบบสาธารณสุข
เริ่มต้นจะเป็นการให้ความรู้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ แนะนำวิธีการลด หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่มีรสจัด เช่น เค็มจัด หวานจัด รวมไปถึงการรับประทานยาที่ไม่ถูกต้อง โดยจะลงไปทำความเข้าใจ ให้ความรู้ทั้งผู้ป่วยและญาติ พร้อมมีการติดตามผลทุกเดือนโดยเจ้าหน้าที่ รพ.สต. นอกจากนี้ยังลงพื้นที่ครัวเรือน ร้านอาหาร สถานศึกษา เพื่อตรวจวัดค่าความเค็ม โดยมีค่าระดับความเค็มมาตรฐานให้เห็นเป็นรูปธรรม รวมถึงยังมีการตรวจหาค่าน้ำตาล และไตผ่านปัสสาวะ เหล่านี้จะทำให้ประชาชนในพื้นที่เห็นภาพได้อย่างชัดเจน ตระหนักถึงการบริโภคอาหาร และการดูแลตัวเองมากขึ้น
“ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่รักษาอยู่ในคลินิกโรคเรื้อรัง (CKD Clinic) รพ.สต. แจ้คอนจำนวน 250 ราย มีผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะที่ 1 จำนวน 7 ราย และเสี่ยงเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะที่ 4-5 จำนวน 4 ราย ซึ่งจากการดำเนินโครงการก็พบว่า ผู้ป่วยบางรายมีค่าไตดีขึ้น และในเดือน เม.ย. 2567 จะมีการทำเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการปรับพฤติกรรมของคนในพื้นที่ รวมถึงหาบุคคลต้นแบบให้เป็นแบบอย่างในการดูแลตัวเองแก่ผู้ป่วย หรือคนในชุมชนด้วย” น.ส.พิมพา ระบุ
นายถวิล กุญชร นายกเทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวนี้เกิดจากการคืนข้อมูลสุขภาพของ รพ.สต. ในพื้นที่ โดยมีการของบประมาณจาก กปท. เทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง ที่คำนึงถึงความจำเป็นและปัญหาของบริบทพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาเรื่องโรคไตวายเรื้อรัง ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการได้ลงพื้นที่ทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ทั้งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เจ้าหน้าที่ รพ.สต. สมาชิกเทศบาล ฯลฯ รวมถึงนำชุมชน และสถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม โดยมีเป้าหมายลดผู้ป่วยไตวายเรื้อรังในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงให้ได้ทั้งหมด
นพ.นพรัตน์ วัชรขจรกุล นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง (สสจ.ลำปาง) กล่าวว่า ปัญหาโรคไต มีสาเหตุจากโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ เป็นปัญหาที่สำคัญของจังหวัดลำปาง ขณะนี้พบว่ามีผู้ป่วยไตเสื่อมในจังหวัดลำปางประมาณ 2-3 หมื่นราย และยังมีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี ฉะนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะการรับประทานอาหารจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างไรก็ดีในการดำเนินการชะลอภาวะไตวายเรื้อรัง หรือไตเสื่อมนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชน ท้องถิ่น และหน่วยบริการปฐมภูมิ โดยใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชน ผู้ป่วย หรือกลุ่มเสี่ยง ทั้งในระดับครัวเรือนและชุมชน โดยจะมีการติดตามผลอยู่เป็นระยะ อย่างไรก็ตาม หลังดำเนินงานโครงการ พบว่าในพื้นที่จำนวนผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรายใหม่มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
ด้าน ทพ.อรรถพร กล่าวว่า โครงการดังกล่าวของเทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง เป็นผลมาจาก กปท. ที่ สปสช. สมทบงบประมาณร่วมกับเทศบาลตำบลทุ่งผึ้ง นับเป็นกิจกรรมที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก นอกจากลดการเจ็บป่วยได้แล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายทางอ้อม เช่น ค่าเสียโอกาสในการทำงานกรณีญาติต้องพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล หรือลดค่าเดินทาง เหล่านี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากค่ารักษาที่ สปสช. สนับสนุนได้อีกด้วย นอกจากนี้เทศบาลตำบลทุ่งผึ้งยังนำเครื่องมือ เช่น เครื่องวัดระดับความเค็ม การเจาะเลือดเพื่อหาสารเคมีในเลือดจากการทำการเกษตร รวมถึงมีเครื่องมือวัดระดับน้ำตาล โปรตีนเพื่อวัดค่าไตจากการตรวจปัสสาวะ และจะมีการคืนข้อมูลที่ได้ให้ประชาชนรับทราบ ฉะนั้นด้วยวิธีการเหล่านี้จะสามารถทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้
- 92 views