‘Nurse Connect’ เสนอรัฐบาลชุดใหม่ ลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุนสุขภาพ จัดทำระบบเชื่อมข้อมูล ‘ผู้ป่วย-รพ.’ ผุด ‘ศูนย์ฟื้นฟูฯ ชุมชน’ ลดงานแพทย์

ตัวแทน Nurse Connect เผยอยากเห็นรัฐบาลชุดหน้าทำระบบเชื่อมข้อมูลผู้ป่วยให้โรงพยาบาล เชื่อช่วยการรักษาผู้ป่วยไร้รอยต่อ แนะตั้งศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพชุมชนช่วยลดงานแพทย์ ย้ำยังอยากเห็นลดความเหลื่อมล้ำ 3 กองทุนสุขภาพ

น.ส.สุวิมล นัมคณิสรณ์ ผู้แทนเครือข่าย Nurse Connect เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า อยากให้รัฐบาลชุดถัดไปที่จะเข้ามาบริหารประเทศ ได้พัฒนาการเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาล หรือหน่วยบริการให้เป็นระบบเดียวกันทั้งหมด เพื่อจะได้เพิ่มความสะดวกในการรักษาผู้ป่วย และยังทำให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ แม้ในปัจจุบันจะมีระบบที่ประชาชนสามารถย้ายสิทธิการรักษาได้เองแล้ว แต่ระบบเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ป่วยยังเป็นปัญหา ทำให้มีผลกระทบต่อการรักษาพยาบาลที่อาจไม่เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งการเชื่อมข้อมูลจะช่วยให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยไร้รอยต่อ

นอกจากนี้ ยังมีโจทย์สำคัญของรัฐบาลชุดต่อไป คือ การลดความเหลื่อมล้ำในการบริการรักษาพยาบาลทั้ง 3 กองทุน ทั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ และกองทุนประกันสังคม โดยเฉพาะกองทุนประกันสังคมที่ประชาชนต้องจ่ายเงินสมทบ แต่กลับได้รับการรักษาที่ยังมีข้อจำกัด

"ยาที่ใช้ในผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมบางตัวยังไม่อัปเดต รวมถึงยังไม่สามารถใช้ยาที่มีประสิทธิภาพดีเท่าเทียมกับสิทธิบัตรทอง หรือสิทธิสวัสดิการข้าราชการ หากรัฐบาลชุดต่อไปมีนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำด้านการรักษาพยาบาล ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก" ตัวแทนกลุ่ม Nurse Connect กล่าว   

น.ส.สุวิมล กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังสามารถเสริมศักยภาพชุมชนในการช่วยดูแลผู้ป่วยในชุมชนได้เองด้วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยระยะท้าย หรือผู้ป่วยประคับประคอง และผู้สูงอายุ โดยอาจตั้งเป็นศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพชุมชน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยและประชาชนได้ดูแลกันเองผ่านการสนับสนุนของภาครัฐ และยังเป็นการสร้างรายได้ อาจเกิดการจ้างงานในการดูแลผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุในชุมชนได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับนโยบายด้านสุขภาพของรัฐบาลชุดต่อไป ยังอยากให้ส่งเสริมพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้กับคนไทยตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่เพียงแค่ทำนโยบายเฉพาะตอนเจ็บป่วยเท่านั้น รวมไปถึงควรส่งเสริมสุขภาพให้ประชาชน และให้องค์ความรู้ในการดูแลรักษาตัวเอง เพื่อส่วนหนึ่งประชาชนจะไม่ได้กระจุกตัวในโรงพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย และยังเป็นการลดภาระงานของบุคลากรการแพทย์ได้อีกทางหนึ่งด้วย