ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. เตรียมถกคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติ ปรับเงื่อนไขให้ยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) เป็นยาลำดับแรกสำหรับผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เพื่อให้ผู้ป่วยได้ยาที่มีประสิทธิผลและความปลอดภัยมากกว่าเดิม


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า สปสช.อยู่ระหว่างการเตรียมหารือกับคณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติ ในการปรับเงื่อนไขการใช้ยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) ซึ่งเป็นยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (STEMI) ซึ่งเดิมทีสิทธิประโยชน์ของ สปสช. สำหรับผู้ป่วย STEMI จะมียา 2 ตัวคือ ยา Streptokinase (สเตรปโตไคเนส) ซึ่งเป็น First line drug หรือยาลำดับแรกที่ให้ผู้ป่วยหากมีอาการตรงตามข้อบ่งชี้ แต่ถ้าผู้ป่วยแพ้ยา Streptokinase (สเตรปโตไคเนส) หรือมีประวัติได้รับยาไม่เกิน 6 เดือน ก็จะให้ยา Alteplase (แอลทีเพลส) แทน ถือเป็นยาลำดับที่ 2 หรือ Second line drug ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และต่อมาได้เพิ่มยา Second line drug อีกตัวหนึ่ง ชื่อยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส)

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบัญชียาหลักแห่งชาติได้เพิ่มเงื่อนไขให้ใช้ยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) เป็น Fist line drug ในกรณีที่เป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจด้านหน้าขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน (Anterior wall STEMI) ร่วมกับมีภาวะการทำงานของระบบไหลเวียนของเลือดผิดปกติ แต่เงื่อนไขดังกล่าวนี้ยังขัดกับแนวเวชปฏิบัติการดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นแนวเวชปฏิบัติมาตรฐานสำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยที่สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในประราชูปถัมภ์ สมาคมแพทย์มัณฑนากรหัวใจและหลอดเลือดแห่งประเทศไทย สมาคมโรคหลอดเลือดแดงแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขาโรคหัวใจ กระทรวงสาธารณสุข จัดทำเป็นแนวปฏิบัติซึ่งระบุไว้ว่า ให้ใช้ยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) ในกรณีที่เป็น STEMI แล้วมีการทำการรักษาแบบ Pharmacoinvasive strategy หรือการให้ยาละลายลิ่มเลือดแล้วนำผู้ป่วยไปสวนหัวใจและเปิดหลอดเลือดให้เร็วที่สุด

ด้วยเหตุนี้ สปสช. จึงมีแนวคิดที่จะปรับเงื่อนไขการจ่ายชดเชยให้สอดคล้องกับแนวเวชปฏิบัติ โดยให้ยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) เป็น First line drug เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยมากกว่า เหตุผลเนื่องจากการรักษาผู้ป่วย STEMI ที่ดีที่สุดคือการสวนหัวใจและเปิดหลอดเลือดที่อุดตันโดยการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน และการใส่โครงลวดค้ำยันหลอดเลือด (stent) แต่เนื่องจากบริบทของเมืองไทยอาจทำแบบนี้กับผู้ป่วยทุกรายไม่ได้ หน่วยบริการบางแห่งไม่สามารถทำการสวนหัวใจและเปิดหลอดเลือดได้ทันภายใน 120 นาที ก็จะซื้อเวลาไปก่อนโดยใช้ยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) ให้เส้นเลือดหัวใจเปิด แล้วถึงมาทำการสวนหัวใจในภายหลังหรือในหน่วยบริการที่ไม่สามารถสวนหัวใจได้ก็ฉีดยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) แล้วส่งต่อไปโรงพยาบาลที่สามารถทำได้โดยเร็วที่สุด  

“ถ้าเป็นยาเดิมที่ให้ยา Streptokinase (สเตรปโตไคเนส) ก่อน แล้วค่อยไปสวนหัวใจ อาจเกิดปัญหาเลือดออกซึ่งควบคุมยากกว่าการใช้ยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) ดังนั้น Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) จึงเป็นยาที่เหมาะกับการฉีดก่อนนำผู้ป่วยไปสวนหัวใจขยายหลอดเลือด มีความปลอดภัยมากกว่า ซึ่งตัวเลขเฉลี่ยผู้ป่วยที่ต้องรับยาละลายลิ่มเลือดแต่ละปีเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000 ราย ถ้ามีการปรับเงื่อนไข ผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็จะได้ประโยชน์ ได้ยาตัวใหม่ที่มีประสิทธิผล มีความปลอดภัยกว่าเดิม” นพ.จเด็จ กล่าว

อย่างไรก็ดี ดังที่กล่าวไปแล้วว่าข้อบ่งชี้ในการให้ยา Tenecteplase (ทีเนคทีเพลส) ตามแนวเวชปฏิบัติที่ สปสช. กำลังจะปรับเงื่อนไขการจ่ายชดเชยนั้น ยังมีความขัดแย้งกับข้อบ่งชี้ของบัญชียาหลักแห่งชาติ ด้วยเหตุนี้ สปสช. จึงต้องมีการหารือในเชิงวิชาการร่วมกับคณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติให้ได้ข้อสรุปเสียก่อน โดยจะพยายามหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในวันที่ 15 ม.ค. 2566 นี้  

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  
1.สายด่วน สปสช. 1330 
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ