ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รัฐบาล โชว์ผลงาน ‘ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว’ 2 เฟส ช่วย ปชช. เข้าถึงบริการสะดวกขึ้น ทั้งรักษา – ป้องกันโรค เผย ลดเวลา ปชช. ไปหาหมอจาก 127 นาที เหลือแค่ 56 นาที


เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2567 นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความสำเร็จของรัฐบาล ในการขับเคลื่อนนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ทั้ง 2 ระยะที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็นความสำเร็จ 12 ด้าน ประกอบด้วย 1. ระยะเวลาใช้บริการ ลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง จาก 127 นาทีต่อครั้ง เหลือ 56 นาทีต่อครั้ง 2. รับยาใกล้บ้าน ลดแออัด ลดรอคิว 3. สามารถใช้บริการหน่วยบริการแบบคลินิก โดยหน่วยบริการแบบคลินิกขยายตัวขึ้น 5 เท่าตัว ประชาชนเข้าถึงการบริการง่ายและสะดวกขึ้น

4. การแพทย์เชิงป้องกัน ฉีดวัคซีน HPV ลดมะเร็งปากมดลูก (เด็กหญิง 11-20 ปี) เกิน 1 ล้านโดส 5. จัดตั้งหอผู้ป่วยจิตเวช โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ครบตามเป้า 127 แห่ง และจัดตั้งมินิธัญญารักษ์ครบ 76 จังหวัด 6. จัดตั้งสถานชีวาภิบาล 137 แห่ง ใน 44 จังหวัด และจัดตั้งกุฎิชีวาภิบาลต้นแบบ 4 แห่ง 7. จัดตั้งโรงพยาบาลนครพิงเชียงใหม่ ขนาด 120 เตียง เพิ่มการเข้าถึงบริการในเขตเมือง 8. เพิ่มอัตราการเกิดของเด็กอย่างมีคุณภาพ -- คลินิกส่งเสริมการมีบุตร 889 แห่ง คัดกรองโรคหายากในทารกแรกเกิด 1.2 แสนคน

9. เพิ่มบรรจุพยาบาลวิชาชีพ 2,700 อัตรา (เป้าหมาย 3,300 อัตรา) โดย ส่งเสริมความก้าวหน้า พยาบาลชำนาญการพิเศษมากกว่า 9,000 อัตรา (เป้าหมาย 1 หมื่นอัตรา) และอบรมบุคคลากร care D+ Team แล้ว 1 หมื่นคน เพื่อสื่อสารกับผู้ป่วย 10. โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศ ผ่านเกณฑ์ประเมิน โรงพยาบาลอัจฉริยะ11. จัดตั้งชุมชนสุขภาพต้นแบบ Healthy city MODELs ครบทุกเขตสุขภาพ โดยจัดตั้งเครือข่ายราชทัณฑ์ปันสุขต้นแบบครบ 12 เขตสุขภาพ และจัดตั้งโครงการ Money safety ให้คำปรึกษาด้านการเงินบุคคลากรสาธารณสุข และ 12. จัดตั้งทีม Sky Doctor เพิ่มความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวครบทุกเขตสุขภาพ

นายชัย กล่าวอีกว่า การยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ฯ ของรัฐบาลในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาบริการด้านสาธารณสุข ในรอบ 23 ปี นับตั้งแต่โครงการเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งรัฐบาลนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยบริการ รวมถึงเพิ่มหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่เพื่ออำนวยความสะดวก อาทิ คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม ร้านยา คลินิกเทคนิคการแพทย์ (ห้องแล็บ) ในแต่ละพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้เข้าถึงบริการ 

นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวยังลดแความแออัดในโรงพยาบาล ลดภาระแพทย์ พยาบาล และลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของภาครัฐ รวมถึงนโยบายนี้ยังทำให้รัฐจัดสรรงบประมาณได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ลดประสิทธิภาพการบริการสุขภาพให้กับประชาชน 

นายชัย กล่าวอีกว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ระบุเสมอว่าต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ต้องการให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้อย่างทั่วถึง มุ่งสั่งการ ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องงนโยบายดังกล่าว ถือเป็นอีกก้าวที่รัฐบาลเพิ่มความสะดวกสบายให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการทางสาธารณสุขที่เหมาะสม ใช้เพียงบัตรประชาชนใบเดียวเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพในบริการของรัฐและเอกชนที่เข้าร่วม 100%  

“การพัฒนาบริการทางสาธารณสุข และลดความเหลื่อมล้ำเพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการฯ ได้อย่างครอบคลุม เป็นหนึ่งในความตั้งใจที่นายกรัฐมนตรีมีเสมอมา ซึ่งต้องขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่พร้อมดำเนินการตามแนวทาง นโยบายของนายกรัฐมนตรี และเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะขยายการให้บริการได้อย่างทั่วถึง ทั่วประเทศต่อไป” นายชัย กล่าวในตอนท้าย