ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โฆษกรัฐบาลเผย แผนการพัฒนาระบบดูแลสุขภาพคนไทยในต่างประเทศทั่วโลก ของ สธ.-กต. เชื่อมั่นเป็นระบบที่ครอบคลุมสอดคล้องกับบริบทของโลกในปัจจุบัน ลดขั้นตอน ลดระยะเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ


เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ส่งเสริมการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ในการวางแผนการพัฒนาระบบดูแลสุขภาพคนไทยในต่างประเทศให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกัน การควบคุมโรค ภัยสุขภาพ การดูแลรักษา และการส่งต่อ ตลอดจนการจัดทำเพื่อพัฒนาระบบ พร้อมเป็นจุดประสานงานเพื่อขยายผลในกลุ่มเป้าหมายประชาชนชาวไทยในต่างประเทศต่อไป

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีคนไทยอาศัยอยู่ในต่างประเทศประมาณ 1.5 ล้านคน และมีการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น ในแต่ละปีมากกว่า 10 ล้านคน โดยที่ผ่านมาจะมีระบบดูแลสุขภาพจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการแพทย์ กรมสุขภาพจิต กรมควบคุมโรค กองสาธารณสุขฉุกเฉิน สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กองบริหารการสาธารณสุข แต่ยังพบปัญหาเกี่ยวกับระบบสาธารณสุข เช่น การเข้าถึงการรักษาพยาบาล การส่งตัวกลับประเทศเพื่อเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง

ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการต่างประเทศ ได้วางแผนการพัฒนาระบบดูแลสุขภาพคนไทยในต่างประเทศให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยร่วมกันจัดทำ “บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการดูแลสุขภาพข้าราชการและบุคลากรของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลในต่างประเทศ รวมถึงคนไทยในต่างประเทศ”

สำหรับความร่วมมือดังกล่าว มีเป้าหมายที่จะพัฒนาความร่วมมือในการดูแลสุขภาพคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ เพื่อการดำเนินงานที่ช่วยลดขั้นตอน ลดระยะเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะนำร่องในกลุ่มข้าราชการและบุคลากรของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลในต่างประเทศเป็นระยะทดลอง เพื่อพัฒนาระบบ และเป็นจุดประสานงานเพื่อขยายผลในกลุ่มคนไทย และนักท่องเที่ยวไทยทั่วโลก

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าแผนพัฒนาระบบดูแลสุขภาพคนไทยในต่างประเทศ จะสามารถบริหารจัดการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับบริบทโลกปัจจุบัน ลดขั้นตอน ลดระยะเวลา และพัฒนาจุดประสานงานเพื่อขยายผลในกลุ่มคนไทย และนักท่องเที่ยวไทยทั่วโลกต่อไป” นายอนุชา กล่าว