ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

จ.สุรินทร์ ตื่นตัวนำงบประมาณสนับสนุนกรณีเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติของกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นระดับตำบลมาใช้ขับเคลื่อนป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังเกิดความร่วมมือของภาคีต่างๆ มากขึ้น ทั้งการจัดทำธรรมนูญหมู่บ้านเพื่อใช้ดูแลกันเองในพื้นที่และกลุ่มเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมกิจกรรมกับชุมชนมากขึ้น

น.ส.ยุพิน ระย้าทอง ผู้ประสานงานหน่วยรับเรื่องร้องเรียนมาตรา 50 (5) อ.ศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ และกรรมการกลไกจังหวัดในขับเคลื่อนงานกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นของ จ.สุรินทร์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ประชาสัมพันธ์ว่าสามารถนำงบประมาณประเภทที่ 5 ของกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นระดับตำบล (สนับสนุนกรณีเกิดโรคระบาดหรือภัยพิบัติ) มาใช้กับเรื่องนี้ได้ ซึ่งในภาพรวมของทุกตำบลใน จ.สุรินทร์ ก็มีความตื่นตัวและนำเงินในหมวดนี้มาสมทบกับงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพื่อใช้ขับเคลื่อนกิจกรรมเฝ้าระวังและป้องกันโรค

น.ส.ยุพิน กล่าวอีกว่า นอกจากงบประมาณในประเภทที่ 5 แล้ว ยังมีบางตำบลที่ขอเปลี่ยนโครงการในหมวดงบประมาณประเภทอื่น มาปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งทางคณะกรรมการกองทุนก็อนุมัติให้เปลี่ยนโดยไม่จำกัดว่าต้องทำเฉพาะโครงการที่เสนอมาแล้วอย่างเดียวเท่านั้น หรือบางโครงการที่ยังไม่ได้เริ่มใช้งบก็ขอเปลี่ยนโครงการมาใช้กับเรื่องโควิด-19 ได้ รวมทั้งบางตำบลที่ยังไม่ได้อนุมัติโครงการ ก็เขียนโครงการขอนำงบในประเภทที่ 2 (สนับสนุนให้กลุ่มหรือองค์กรประชาชน หรือหน่วยงานอื่นในพื้นที่) มาใช้ได้เลย เป็นต้น

น.ส.ยุพิน กล่าวว่า ในส่วนของ อ.ศรีณรงค์ ได้มีการนำงบประมาณประเภทที่ 5 มาทำกิจกรรมได้ 100% ทั้งการอบรมให้ความรู้แกนนำชุมชนและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อรณรงค์ป้องกันดูแลตัวเองเบื้องต้น การเย็บหน้ากาก ตลอดจนออกเยี่ยมบ้านผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อให้คำแนะนำระหว่างกักตัวว่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง

"บรรยากาศในชุมชนทุกคนตื่นตัวมากขึ้น เนื่องจากเห็นถึงความเสี่ยงจากโรคนี้ มีการจัดตั้งด่านสแกนคนจากต่างจังหวัด คอยเป็นหูเป็นตาดูแลผู้ที่ต้องกักตัวและจะเห็นนวัตกรรมทางสังคมเพิ่มขึ้น บางชุมชนได้จัดทำธรรมนูญหมู่บ้านขึ้น เพื่อเอามาเป็นกติกาใช้ดูแลกันเอง ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีเกิดขึ้นมาก่อน รวมทั้งเห็นความร่วมมือจากหลายภาคีเข้ามาร่วมกัน เช่น กลุ่มเยาวชนก็เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นจากเมื่อก่อนที่ไม่ค่อยเห็นภาพเยาวชนมาร่วมกิจกรรม แต่ครั้งนี้เขาเห็นความสำคัญและเข้าร่วมในหลายๆกิจกรรม เช่น การเยี่ยมบ้าน การอยู่เวรประจำด่าน เป็นต้น" น.ส.ยุพิน กล่าว