ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.จับมือสภาวิชาชีพ ลงพื้นที่ ‘พังงา’ ชักชวนหน่วยบริการเข้าร่วมโครงการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เฟส 2 ด้านนพ.สสจ.พังงา เผยพร้อมแล้ว 100% ลุยยืนยันตัวตนสิทธิบัตรทองแล้วกว่า 70% มั่นใจ หลังสปสช.ชักชวนจะมีคลินิกเอกชนเข้าร่วมมากขึ้น


เมื่อวานนี้ (28 ก.พ. 67) นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) และในฐานะประธานคณะทำงานกำกับติดตามประเมินผลโครงการ “ยกระดับ 30 บาท บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่” นพ.ชวนนท์ อิ่มอาบ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพังงา ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ สปสช.เขต 11 สุราษฎร์ธานี ประชุมร่วมกับผู้แทนสภาวิชาชีพทางการแพทย์ และผู้ประกอบการสถานบริการสุขภาพในพื้นที่จังหวัดพังงา อาทิ คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ คลินิกกายภาพบำบัด และร้านยา รวมถึงคลินิกการแพทย์แผนไทยฯ เป็นต้น ที่สนใจเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่จากภาคเอกชน เพื่อร่วมขับเคลื่อนโครงการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ระยะ 2 ในจังหวัดพังงา ที่จะเริ่มในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

1

นพ.สุวิทย์ กล่าวว่า เป็นโอกาสสำคัญของจังหวัดพังงาที่จะได้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่เดิมบริการสิทธิบัตรทองฯ หน่วยบบริการที่ให้บริการจะเป็นภาครัฐทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) แต่โครงการนี้ได้ทำให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองฯ มีหน่วยบริการทางเลือกในการเข้ารับบริการมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนภาคเอกชน ที่ได้สมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ในโครงการ นอกจากนี้โครงการฯ นี้ ยังทำให้การบริการสุขภาพเกิดสิ่งใหม่ๆ ตามมา คือการเกิดหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ ที่แต่เดิมไม่เคยมีในระบบบัตรทอง หรือมีอยู่ก็แต่เฉพาะในกรุงเทพมหานคร (กทม.) เท่านั้น ซึ่งจากนี้จะมีหน่วยบริการในรูปแบบนี้กระจายทั่วประเทศที่ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิและบริการได้มากขึ้น ขณะเดียวกันทางวิชาชีพทางการแพทย์ต่างๆ จะได้มีบทบาทเข้ามาร่วมดูแลประชาชนในระบบบัตรทอง

2

นพ.ชวนนท์ กล่าวว่า จังหวัดพังงาได้รับเลือกจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นำร่องเฟสที่ 2 ของเขตสุขภาพที่ 11 โดยขณะนี้จังหวัดพังงาได้มีการเตรียมความพร้อมแล้ว 100% ที่จะเดินหน้าในวันที่ 1 มีนาคมนี้ โดยที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ทำงานเชิงรุกเร่งประชาสัมพันธ์โครงการ พร้อมเชิญชวนประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง 30 บาท) ที่มีประมาณกว่า 2 แสนคนในพื้นที่ ให้ได้ทราบข้อมูลและขั้นตอนรับบริการ โดยขณะนี้มีประชาชนที่ได้ยืนยันตัวตนร่วมในโครงการฯ ไปแล้วกว่า 70%

ขณะที่โรงพยาบาลในสังกัด สธ. และหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ก็ได้เตรียมระบบเชื่อมต่อข้อมูลกันเป็นที่เรียบร้อย ประชาชนมั่นใจได้ว่าเมื่อไปรับบริการก็จะไม่มีปัญหาในการเชื่อมโยงข้อมูลการรักษา ไม่ว่าประชาชนจะไปใช้บริการกับโรงพยาบาลหรือหน่วยบริการที่ไหนก็ตาม ส่วนหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ของภาคเอกชนนั้น ก่อนหน้านี้มีจำนวนการสมัครเข้าร่วมโครงการฯ เพียง 10% เท่านั้น แต่หลังจากที่ สปสช. รวมถึงตัวแทนสภาวิชาชีพต่างๆ ได้ลงพื้นที่ทำการชี้แจง สร้างความเข้าใจ เชิญชวนหน่วยบริการให้เข้าร่วม ก็เชื่อว่าจากนี้ไปจะมีหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่สมัครร่วมมากขึ้น

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า โครงการนี้นอกจากการเพิ่มการเข้าถึงสิทธิและบริการให้กับประชาชนแล้ว ยังได้ช่วยลดความแออัดผู้ป่วยในโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังสอดรับกับการกระจายบุคลากรทางการแพทย์ในปัจจุบัน ที่มีสัดส่วนการทำงานอยู่ในภาครัฐและภาคเอกชนอัตราใกล้เคียงกัน ทำให้ผู้ป่วยสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการเอกชน ซึ่งช่วยลดภาระงานบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐได้

1

โครงการยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ได้ทำให้เกิดหน่วยบริการสาธารณสุขวิถีใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะช่วยดูแลประชาชนในพื้นที่ให้รับบริการที่ดีขึ้น และเป็นเครือข่ายร่วมกันกับภาครัฐ โดยโครงการนี้จะเป็นการปฏิรูประบบข้อมูลครั้งใหญ่ของประเทศ ที่ สธ. เอง ก็ได้วางระบบการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยบริการที่จะเข้าร่วมโครงการ ผ่านระบบหมอพร้อมไว้แล้ว ซึ่งหน่วยบริการเห็นข้อมูลประชาชนที่มารับบริการได้ นอกจากนี้ยังเป็นการปฏิรูปความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างภาครัฐและเอกชนภายในระบบเดียวกันของประเทศไทยด้วย

นายประเสริฐ สังขกุล ผู้แทนสภาการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีคลินิกการแพทย์แผนไทยสนใจเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในโครงการมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฟสแรก 4 จังหวัด มีคลินิกการแพทย์แผนไทยเข้าร่วมโครงการไปแล้วกว่า 50% ในพื้นที่ และยังทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ว่าคลินิกฯ ให้การตอบรับโครงการเป็นอย่างดี

1

ส่วนการลงพื้นที่จังหวัดพังงาในครั้งนี้ ทำให้เห็นการเตรียมความพร้อมของคลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ที่จะเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งเป็นสถานบริการมีความทันสมัย สะอาด และมีบุคลากรที่มีวิชาชีพและความสามารถที่พร้อมให้บริการ คาดว่าจะทำให้ผู้ป่วยที่ต้องการบำบัด ฟื้นฟูสุขภาพในจังหวัดพังงา ได้เข้าถึงการนวดรักษา หรือการใช้ยาสมุนไพรเพื่อสุขภาพต่างๆ จะได้รับบริการได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น