ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

‘สมศักดิ์’ เคาะ ‘แผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาติ’ เพื่อเสนอ ครม. ทุกจังหวัดรวม กทม. เตรียมพร้อมลดความรุนแรงในสังคม


วันที่ 5 ก.พ. 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ ครั้งที่1/2567 โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน ได้มีการติดตามการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการประสานงานเพื่อการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสุขภาพจิตระดับจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร (กทม.) พบว่าการดำเนินงานพัฒนาไปมาก 

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัญหาและอุปสรรคที่ต้องแก้ไข ได้แก่ การขาดองค์ประกอบสำคัญในคณะอนุกรรมการฯ เช่น ตัวแทนกระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และตัวแทนสภาเด็กและเยาวชน รวมทั้งขาดอนุกรรมการฯ กทม. คณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ จึงเห็นชอบให้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการสุขภาพจิตจังหวัดและ กทม.

4

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลและคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติให้ความสำคัญในประเด็นการดูแลสุขภาพจิตประชาชนทุกกลุ่มวัย โดยนโยบายสำคัญ ได้แก่ 1. ปัญหาความรุนแรงในวัยรุ่นและผู้ที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่ในเรื่องการส่งเสริมเจตคติที่ดี การเคารพสิทธิ ส่งเสริมสถาบันครอบครัว เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญการดูแลขั้นพื้นฐานทุกภาคส่วน เพิ่มมาตรการป้องกัน ลดสถานที่เสี่ยง บังคับใช้กฎหมาย เน้นการช่วยเหลือมากกว่าลงโทษ และมีมาตรการดูแลช่วยเหลือผู้มีความประพฤติรุนแรง 

2. การจัดการผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรง (SMI-V) ปัญหาผู้ป่วยจิตเวชเร่ร่อน ค้นหา เฝ้าระวังเชิงรุก นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา เพิ่มช่องทางเข้าถึงบริการ มาตรการดูแลต่อเนื่อง และส่งกลับชุมชน 3. ปัญหาการข่มขืน/กระทำชำเรา การค้นหา เฝ้าระวังเชิงรุก นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา เพิ่มช่องทางเข้าถึงบริการ มาตรการดูแลอย่างต่อเนื่อง และส่งกลับชุมชน 4. ปัญหาผู้ติดยาเสพติดและจิตเวช นอกจากจะป้องกันปราบปรามตามมาตรการกฎหมาย บูรณาการในการบำบัด รักษา ฟื้นฟู ติดตามหลังจากกลับสู่ชุมชน ลดการเสพซ้ำ เพื่อป้องกันการก่อความรุนแรง 

1

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ในส่วนของแผนพัฒนาสุขภาพจิตแห่งชาตินั้นมีความสำคัญในการเป็นทิศทางสำหรับทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อน โดยประเด็นสุขภาพจิตเด็กและเยาวชน โดยคณะทำงานที่เกี่ยวข้องภายใต้คณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติได้ดำเนินการจัดทำแผน ซึ่งจากมติการประชุมครั้งนี้ได้เห็นชอบ “แผนปฏิบัติการพัฒนาระบบและบริการสุขภาพจิตเด็กและเยาวชนอย่างบูรณาการ พ.ศ. 2566-2570” ภายใต้ความร่วมมือของ สธ. UNICEF และภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพจิตเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ โดยให้เริ่มเผยแพร่แผนดังกล่าวจนนำไปสู่การปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรมร่วมกันได้

2

นพ.กิตติศักดิ์  อักษรวงศ์ รองปลัด สธ. กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากปลัด สธ. เพื่อเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ การประชุมวันนี้ยังมีมติเห็นชอบสนับสนุนเพิ่มความเข็มแข็งของการจัดระบบดูแลเฝ้าระวังป้องกันผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่มีภาวะเสี่ยงต่อการก่อความรุนแรง (Serious Mental Illness with high risk to Violence: SMI-V) หรือเรียกว่าระบบ V-Care ที่ได้ดำเนินการไปหลายจังหวัดแล้ว 

พร้อมกันนั้นคือการสร้างความเข็มแข็งของกลไกคณะอนุกรรมการสุขภาพจิตจังหวัดและกรุงเทพมหานคร โดยสนับสนุนให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ซึ่งเป็นเลขานุการของคณะอนุกรรมการฯ เสนอข้อมูล สถานการณ์ และแผนสุขภาพจิต ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นประธาน และร่วมกันแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต ที่เป็นประเด็นมุ่งเน้นภายในจังหวัด ร่วมกับภาคส่วนอื่นๆ ที่เป็นคณะอนุกรรมการฯ 

รวมทั้งจะกำกับดูแล “ตัวชี้วัดระดับจังหวัด” ได้แก่ “อุบัติการณ์การพยายามฆ่าตัวตายลดลง” และ “อัตราการเฝ้าระวังและช่วยเหลือผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดที่เสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรง (SMI-V) เพิ่มขึ้น” ตลอดจนการขยายผลการดูแลโดย “ชุมชนล้อมรักษ์” (Community-Based Treatment; CBTx) ตามมติของคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติวันนี้

3

นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต สธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ปัญหาทวีความรุนแรงในสังคม ได้แก่ ผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดเสี่ยงก่อความรุนแรงปัญหาสุขภาพจิตเด็กและเยาวชน ปัญหาการฆ่าตัวตาย ต้องอาศัยการดำเนินงานแบบบูรณาการจากหลากหลายหน่วยงาน อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดที่ต้องอาศัยกลไกด้านกฎหมาย

ทั้งนี้ จึงควรมีการทบทวนพระราชบัญญัติสุขภาพจิตฯ และอนุบัญญัติฯ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ด้านงบประมาณจะมีการเพิ่มหมวดการจัดตั้งกองทุนสุขภาพจิตและจิตเวช ด้านบุคลากรเสนอให้เพิ่มเติมพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต และทบทวนบทบัญญัติ ที่สามารถออกอนุบัญญัติฯ ในการดำเนินงานการสร้างเสริมสุขภาพจิต เช่น การที่พ่อแม่ต้องศึกษาการเลี้ยงดูลูก การป้องกันและควบคุมปัจจัยที่คุกคามสุขภาพจิต อาทิ การดูแลเฝ้าระวังป้องกันในโรงเรียน และการควบคุมกำกับสื่อที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิต อย่างสื่อเผยแพร่ความรุนแรงต่างๆ 

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายสุขภาพจิตนำไปพิจารณาเพื่อดำเนินการให้เหมาะสมต่อไป ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติในครั้งนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยังได้เห็นชอบให้ดำเนินการจัดตั้งกองทุนสุขภาพจิตและจิตเวชโดยรีบด่วนต่อไปด้วย