ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แพทย์ศัลยกรรมประสาท รพ.ประจวบคีรีขันธ์ เผย ผู้ที่มีสิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับการผ่าตัดสมองและเนื้องอกในไขสันหลังสามารถทำได้ทันทีที่ รพ. โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย พร้อมวอน สปสช. ให้ช่วยสนับสนุนเครื่องมือเฉพาะทางที่ต้องใช้ในการผ่าตัดให้มากขึ้น ลดการส่งต่อผู้ป่วยไป รพ.อื่น เพื่อลดอาการบาดเจ็บทางสมอง และเพื่อการฟื้นฟูร่างกายที่ดีหลังการผ่าตัด 


นพ.สนธิเดช ว่องวุฒิกำจร นายแพทย์ชำนาญการพิเศษศัลยกรรมประสาท ประจำโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรองรับผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยอุบัติเหตุเพราะว่าเส้นถนนเพชรเกษมเป็นถนนเส้นหลักที่จะวิ่งขึ้นลงสู่ภาคใต้ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นก็มักจะเป็นอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่งการบาดเจ็บที่ศีรษะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย 

นพ.สนธิเดช กล่าวว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มารักษาจะเป็นผู้ป่วยจากอุบัติเหตุมีเลือดคั่งในสมอง และได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง อีกกลุ่มหนึ่งก็จะเป็นที่เกิดจากโรค NCDs (กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง ทำให้เกิดเส้นเลือดในสมองตีบ และเส้นเลือดในสมองแตก ซึ่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์สามารถผ่าตัดได้ เพราะโรคทางสมองส่วนใหญ่ระยะเวลาในการผ่าตัดเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำนายเรื่องของคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ เช่น การผ่าตัดได้ในทันทีในระยะเวลาไม่เกิน 4 ชั่วโมง เทียบกับกรณีที่จะต้องส่งต่อให้ไปโรงพยาบาลอื่น เช่น หัวหิน ราชบุรี หรือเพชรบุรี อย่างน้อยก็ต้องเผื่อเวลามากขึ้นประมาณ 2-3 ชั่วโมง ทำให้สมองที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วได้รับบาดเจ็บนานขึ้นไปอีก ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ช้าลง อีกประการหนึ่ง ผู้ป่วยที่เป็นโรคเนื้องอกในสมองหรือว่าเนื้องอกในไขสันหลัง โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ก็สามารถรักษาได้เช่นกัน

1

นพ.สนธิเดช กล่าวต่อไปว่า การผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่จะต้องมีความซับซ้อนและใช้เครื่องมือเยอะ หากผู้ป่วยไม่มีสิทธิบัตรทองจะต้องเสียค่าผ่าตัดอย่างน้อย 1.5-2 แสนบาท ซึ่งการผ่าตัดแต่ละครั้งไม่ใช่ว่า 2-3 วันก็จะสามารถกลับบ้านได้ บางครั้งจะต้องเข้าไปนอนห้อง ICU และอาจจะมีการติดเชื้อแทรกซ้อน ผู้ป่วยบางคนนอนพักรักษาตัวเป็นอาทิตย์หรือว่าเป็นเดือน จึงเป็นเรื่องที่ดีมากที่ในโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้อย่างเต็มที่และครอบคลุม

“การผ่าตัด หรือว่าหลังผ่าตัดที่ต้องดูแลในห้อง ICU หรือวอร์ดทั่วๆ ไปก็จะใช้สิทธิบัตรทองได้ สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยและลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก เพราะบางทีมีคนไข้ไปรักษาที่เอกชน แต่อยู่ได้ 2 วัน ก็ไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายได้ก็ต้องกลับมาที่นี่ก็มีเช่นกัน” นพ.สนธิเดช  กล่าว

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ก็ยังคงสามารถทำการผ่าตัดได้เพียงเคสที่ไม่มีความซับซ้อน สำหรับเคสที่มีความยากและความซับซ้อน เช่น โรคเนื้องอกในสมองบริเวณตำแหน่งต่อมใต้สมอง หรือว่าเนื้องอกในสมองที่อยู่ในบริเวณตำแหน่งที่ลึกมากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เครื่องนำวิถีในการผ่าตัด ซึ่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ยังไม่มีเครื่องมือเหล่านี้ก็ต้องส่งต่อผู้ป่วยไปที่จังหวัดราชบุรี หรือประสานกับโรงพยาบาลหัวหินให้ทำการผ่าตัด และส่งผู้ป่วยกลับมาให้ดูแลต่อ 

ขณะเดียวกันการที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์มีแพทย์ชำนาญการพิเศษศัลยกรรมประสาทเพียงแค่ 1 คนทำให้เกิดภาระงานที่ค่อนข้างหนัก โดยใน 1 เดือนต้องอยู่เวรคนเดียวแบบวันเว้นวันประมาณ 15 วันต่อเดือน ซึ่งจะมีเคสประมาณ 20 เคสเป็นการผ่าตัดนอกเวลา แล้วในเวลาที่เป็นเคสที่นัดมาผ่า ต้องเข้า OR อาทิตย์ละ 2 วันคือ จันทร์-อังคาร ก็ประมาณ 2-3 เคส เดือนหนึ่งก็ตกเกือบประมาณ 30 เคส

3

นพ.สนธิเดช  กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาแพทย์ทำงานหนักว่า ทางโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์มีการให้ทุนของสาขาศัลยกรรมประสาทให้นักเรียนแพทย์ที่สนใจ ซึ่งเดือนหน้าก็จะจบมาแล้ว เพราะถ้าตามกรอบจริงๆ ควรมี 2-3 คน แต่เนื่องจากบางครั้งแพทย์ที่เคยมาแล้วอยู่ได้ไม่นานก็ย้ายไป ทำให้เหลือแพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลน้อย

นพ.สนธิเดช  กล่าวเสริมต่อไปว่า สำหรับที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ก็อยากให้ สปสช. สนับสนุนด้านเครื่องมือให้มากขึ้น เพราะว่าบางรายที่จะต้องผ่าตัดซับซ้อน หากมีแพทย์ชำนาญการ 2 คนมาช่วย พร้อมกับมีเครื่องมือดีๆ อาจจะทำให้การส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลอื่นลดน้อยลงไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ส่วนใหญ่ต้องส่งต่อไปก็เพราะว่าที่นี่ไม่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

“หลักๆ ก็คือขาดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงเยอะ เช่น การผ่าตัดต่อมใต้สมอง ตอนนี้เราไม่ผ่าตัดเปิดกะโหลกแล้ว แต่จะใช้การส่องทางจมูกก็ต้องใช้เครื่องมือเฉพาะโรคนั้นๆ หรือถ้าเป็นเนื้องอกเราก็จะมีเครื่องมือย่อยสลายเนื้องอกตอนผ่าตัดก็จะทำให้ร่นเวลา เช่น สมมุติเราผ่าตัดที่นี่ธรรมดาอาจจะ 3-4 ชั่วโมง แต่ถ้ามีเครื่องย่อยสลายเนื้องอกอาจจะเหลือแค่ 2 ชั่วโมง” นพ.สนธิเดช  กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  
1.สายด่วน สปสช. 1330 
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
• ไลน์ Traffy Fondue เป็นเพื่อนใน LINE ค้นหาไอดี @traffyfondue หรือคลิกที่ลิงค์ https://lin.ee/nwxfnHw