ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายชาติพันธุ์ เห็นด้วยหากมีบำนาญผู้สูงอายุ แต่รัฐต้องให้ถ้วนหน้ารวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย หากไม่ช่วยจะกลายเป็นกลุ่มเปราะบางที่สุดท้ายรัฐต้องช่วยเหลืออยู่ดี เชื่อช่วยสังคมในภาพรวม


..กิ่งแก้ว จั๋นติ๊บ ประธานหน่วยรับเรื่องร้องเรียนเครือข่ายชาติพันธุ์ เปิดเผยกับ “The Coverage” ถึงประเด็นบำนาญประชาชนที่หลายพรรคการเมืองกำลังเร่งหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย โดยระบุว่า เห็นด้วยหากจะเกิดรัฐสวัสดิการ โดยเป็นบำนาญผู้สูงอายุ แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นสวัสดิการอย่างถ้วนหน้า และจะต้องครอบคลุมกับกลุ่มคนชาติพันธุ์ ที่ได้เลข 13 หลักไปแล้ว แต่อยู่ระหว่างรอพิสูจน์สถานะ

น.ส.กิ่งแก้ว กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีกลุ่มคนชาติพันธุ์อยู่ประมาณ 4-5 แสนคนที่ยังรอพิสูจน์สถานะ ซึ่งจำนวนนี้ก็มีเป็นผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต้องได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐเช่นกัน ซึ่งหากจะมีบำนาญผู้สูงอายุก็ควรให้กลุ่มคนชาติพันธุ์อย่างถ้วนหน้าด้วย เพราะกลุ่มคนดังกล่าวก็อยู่ในประเทศไทยมานาน อีกทั้ง หากไม่ช่วยเหลือ กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นคนสูงอายุ ก็ต้องตกเป็นภาระกับภาครัฐอยู่ดี

"ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง กลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังรอกระบวนการพิสูจน์ด้านต่างๆ ก็ต้องได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐอยู่ดี ไม่ว่าจะตกเป็นหน้าที่ของกระทรวง หรือหน่วยงานใดก็ตาม อีกทั้ง ก็ยังเป็นกลุ่มที่จะเปราะบางในอนาคตหากตกขบวน ไม่ได้รับรัฐสวัสดิการเหมือนกัน ซึ่งสุดท้ายก็จะต้องเป็นรัฐบาลอยู่ดีที่ต้องเข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้น หากพิจารณาให้รัฐสวัสดิการให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ด้วยอย่างถ้วนหน้า ก็จะเป็นการช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกับสังคมในภาพรวม" น.ส.กิ่งแก้ว กล่าว

ประธานหน่วยรับเรื่องร้องเรียนเครือข่ายชาติพันธุ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นการแจ้งเกิดสำหรับเด็กจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่เกิดในประเทศไทย ก็เป็นอีกประเด็นสำคัญ และอยากให้รัฐบาลชุดต่อไปได้พิจารณา โดยเฉพาะการทำให้กระบวนการพิสูจน์สถานะต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น เพราะปัจจุบันต้องใช้เวลา 2-3 ปีสำหรับการพิสูจน์สถานะเด็กที่เกิดในประเทศไทย ซึ่งแตกต่างจากการแจ้งเกิดของเด็กที่เป็นคนไทยอย่างมาก และความล่าช้าที่เกิดขึ้นทำให้เด็กกลุ่มชาติพันธุ์ต้องเสียโอกาสในสิทธิสวัสดิการด้านต่างๆ ของรัฐบาล