ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช. ผนึกความร่วมมือ สวทช. รุกศึกษา วิจัยพัฒนา และประยุกต์ใช้นวัตกรรม 5 ประเด็น มุ่งเพิ่มศักยภาพบริการด้านสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ในประเทศ


วันที่ 23 มี.ค.2566 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ลงนามความร่วมมือเพื่อดำเนินการศึกษา การวิจัยพัฒนา และการประยุกต์ใช้นวัตกรรม เพื่อการให้บริการด้านสุขภาพของภาครัฐในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้กับประชาชนสิทธิหลักประกันสุขภาพ หรือสิทธิบัตรทอง โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 หน่วยงานเข้าร่วม

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว ทั้ง 2 หน่วยงานกำหนดการดำเนินการใน 5 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การส่งข้อมูลสำหรับเบิกจ่ายอิเล็กทรอนิกส์ (e-Claim Gateway) 2.การรับเรื่องร้องเรียนระดับเขต และระดับจังหวัด (Traffy Fondue) และจับคู่ความต้องการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาล 3.การให้ปรึกษาด้านการออกแบบคลาวน์ (Cloud Computing) 4.การใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมากและปัญญาประดิษฐ์ (Big Data & AI) รวมทั้ง Dashboard สำหรับการบริหารจัดการ และ 5.การพัฒนา Roadmap สำหรับการวิจัยพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์และอวัยวะเทียมในรายการสิทธิประโยชน์ มีระยะเวลาความร่วมมือ 2 ปี นับจากนี้

1

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า การร่วมมือกับ สวทช. เป็นหนึ่งในนโยบายที่ สปสช. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำพาประเทศไปสู่ความก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิบัตรทอง ซึ่ง สวทช.เป็นหน่วยงานที่มีบทบาท และมีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือครั้งนี้ จะเกิดประโยชน์กับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองทั่วประเทศอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนบทบาทและหน้าที่ของ สปสช. ภายใต้ความร่วมมือนี้ มีทั้งการร่วมกำหนดโจทย์การวิจัยที่ต้องการศึกษาและพัฒนา การสนับสนุนข้อมูลและเปิดช่องทางการวางข้อมูล การร่วมพัฒนาหรือปรับปรุงระบบสารสนเทศหรืออุปกรณ์ทางด้านการแพทย์ตามที่เห็นร่วมกัน รวมทั้งร่วมจัดหาทรัพยากรเพื่อดำเนินการ การมอบหมายผู้รับผิดชอบและผู้ประสานงานเข้าร่วมดำเนินการ รวมถึงอำนวยความสะดวกทีมผู้เชี่ยวชาญของ สวทช. เพื่อดำเนินการตามประเด็นที่ได้กำหนดร่วมกัน

“การศึกษา การวิจัยพัฒนา และการประยุกต์ใช้นวัตกรรมทั้ง 5 ประเด็น ได้ผ่านการหารือและกลั่นกรอง รวมถึงผ่านการวิเคราะห์ร่วมกันระหว่าง สปสช. และ สวทช. ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการดำเนินการและบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ ทั้งเป็นการต่อยอดระบบ AMED Telehealth ระบบบริการทางการแพทย์ทางไกล ในการบันทึกข้อมูลบริการเพื่อส่งเบิกจ่าย และการรับเรื่องร้องเรียนผ่านโปรแกรมทราฟฟี่ ฟองดูว์ ที่เพิ่มเติมในส่วนของไลน์” นพ.จเด็จ กล่าว

2

ด้าน ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวด้วยว่า  สวทช. เห็นความสำคัญของการทำงานร่วมกับ สปสช. ในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง และเป็นรูปธรรม สำหรับบทบาทและหน้าที่ของ สวทช. ภายใต้ความร่วมมือนี้ สวทช. จะนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนักวิจัยเข้ามาช่วยสร้าง และพัฒนานวัตกรรมร่วมกับ สปสช.

ที่ผ่านมา สวทช. ได้นำผลงานงานวิจัยและพัฒนามาสนับสนุน ได้แก่ แอปพลิเคชันไลน์ ทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) : Dashboard สปสช. ที่เพิ่มช่องทางรับข้อเสนอแนะสิทธิบัตรทอง ในการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนและปัญหาการใช้สิทธิบัตรทอง ระหว่าง สปสช. กับประชาชนให้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเรื่องที่ร้องเรียน 766 เรื่อง แบ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิบัตรทอง 470 เรื่อง (61.36%) ซึ่งดำเนินการแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว 463 เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 7 เรื่อง และยังมีเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องและส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 296 เรื่อง (38.64%) เช่น แจ้งเรื่องฝุ่น จราจร และคนทิ้งขยะ เป็นต้น และในปัจจุบัน สปสช. กำลังเปิดให้ไลน์ทราฟฟี่ ฟองดูว์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางใหม่ที่เพิ่มความสะดวกให้ประชาชนในการให้ความคิดเห็นต่อกองทุนบัตรทอง ปี 2566 อีกด้วย

2

ศ.ดร.ชูกิจ กล่าวอีกว่า สวทช. ยังได้ร่วมกับ สปสช. ในการขยายการทำงานร่วมกันจากแพลตฟอร์ม A-MED Telehealth ไปสู่การออกแบบและพัฒนาระบบ e-Claim Gateway ร่วมกัน ซึ่งระบบดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของการร่วมมือครั้งนี้ โดยมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เข้ามาช่วยในการทำงานให้เกิดความคล่องตัว ความรวดเร็ว และความถูกต้องในการเบิกค่าใช้จ่ายในการบริการประชาชนสิทธิบัตรทองของโรงพยาบาลกับ สปสช.

นอกจากระบบ e-Claim Gateway แล้ว สวทช.ยังได้ร่วมมือกับ สปสช. และสภาเภสัชกรรม ต่อยอดแพลตฟอร์ม A-MED Telehealth  ไปสู่ A-MED Care ระบบบริการดูแลผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บป่วยทั่วไป (Common illnesses) ใน 16 กลุ่มอาการสำหรับผู้ถือสิทธิบัตรทอง ที่สามารถขอรับยาได้ทันที ปัจจุบันให้บริการในร้านยาคุณภาพที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ ให้บริการแล้วมากกว่า 1 แสนครั้ง โดยในปี 2566 ตั้งเป้าหมายขยายผลการให้บริการครอบคลุมร้านยาคุณภาพ 1,500 แห่ง

“ความร่วมมือของ 2 หน่วยงานในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปใช้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านดิจิทัล และ  AI ซึ่งจะช่วยนำมาสู่คุณภาพและบริการสุขภาพที่ดีขึ้นไทยในอนาคต” ศ.ดร.ชูกิจ กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
1.สายด่วน สปสช. 1330
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
• ไลน์ Traffy Fondue เป็นเพื่อนใน LINE ค้นหาไอดี @traffyfondue หรือคลิกที่ลิงค์ https://lin.ee/nwxfnHw