ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

มติ ครม.เห็นชอบในหลักการ ร่าง พ.ร.ฎ. 4 ฉบับ ให้ ผู้ประกันตน ข้าราชการ พนักงานเมืองพัทยา และข้าราชการกรุงเทพมหานคร สามารถใช้สิทธิเพื่อรับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจาก สปสช.ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ ขั้นตอนหลังจากนี้เตรียมส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (14 มีนาคม 2566) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา 4 ฉบับ กำหนดให้ผู้ที่ไม่ได้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้แก่ 1.ข้าราชการหรือลูกจ้างของส่วนราชการและบุคคลในครอบครัว 2.ผู้มีสิทธิเบิกจ่ายเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของกรุงเทพมหานคร 3.พนักงานเมืองพัทยาและบุคคลในครอบครัวตามข้อบัญญัติเมืองพัทยา เรื่อง เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของพนักงานเมืองพัทยา และ 4.ผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม ใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการสาธารณสุขอื่นที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ 

หลังจากนี้ ขั้นตอนต่อไป ร่าง พ.ร.ฎ.ทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวจะถูกส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจพิจารณาต่อไป เมื่อการดำเนินการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ร่าง พ.ร.ฎ.ทั้ง 4 ฉบับนี้จะถูกส่งกลับไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเสนอทูลเกล้าฯ ต่อไป

เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า การเสนอร่าง พ.ร.ฎ.ทั้ง 4 ฉบับดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ในวันนี้นั้น เป็นไปตามมติคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่ได้มีการประชุมไปเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นประธานได้เร่งรัดให้มีการดำเนินการเรื่องนี้เพื่อแก้ไขปัญหาให้ผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทองได้เข้าถึงบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่จำเป็นโดยเร็ว

โดยได้มอบหมายให้ สปสช. หารือกับหน่วยงานที่ดูแลกองทุนสุขภาพของกลุ่มผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทอง อาทิ กรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา เป็นต้น ออกร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดสิทธิรับบริการสาธารณสุข เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในการดูแลของกองทุนนั้นๆ สามารถใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุขเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการสาธารณสุขอื่นที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต ตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2545 ได้ 

“เมื่อดำเนินการเรื่องนี้แล้วเสร็จ โดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกาได้ ก็จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน เท่ากับว่าต่อไปในอนาคต ปัญหาเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีก หน่วยบริการสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากมีหลักประกันที่เป็นข้อกฎหมายรองรับไว้แล้ว ต่อไปคนไทยทุกคนก็จะได้รับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  
1.สายด่วน สปสช. 1330 
2.ช่องทางออนไลน์
• ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6
Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
• ไลน์ Traffy Fondue เป็นเพื่อนใน LINE ค้นหาไอดี @traffyfondue หรือคลิกที่ลิงค์ https://lin.ee/nwxfnHw