ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ออสเตรเลียมีประชากรในเขตชนบทมากกว่า 7 ล้านคน ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพได้เต็มที่ เพราะปัญหาขาดแคลนบุคคลกรด้านสาธารณสุข ความห่างไกลของพื้นที่ และโอกาสด้านสังคมและเศรษฐกิจของประชาชนที่ไม่เอื้อต่อการเข้ารับบริการ 

ชุมชนในเขตชนบทยังขาดแคลนแพทย์ปฐมภูมิ ซึ่งทำหน้าที่คัดกรองและให้ความรู้ด้านโรคและสุขภาพในเบื้องต้น 

ข้อมูลจากวิทยาลัยศึกษาแพทย์ทั่วไปในพระราชินูปถัมภ์แห่งออสเตรเลีย (The Royal Australian College of General Practitioners) ระบุว่า สาเหตุที่แพทย์ปฐมภูมิขาดแคลนมาจากการที่แพทย์จำนวนมากเข้าสู่วัยสูงวัย ไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มที่ ประกอบกับอาชีพนี้ไม่น่าสนใจในหมู่นักการแพทย์ โดยเฉพาะเมื่อตำแหน่งนี้อยู่ในเขตชนบทที่ขาดการพัฒนา

สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้คุณภาพชีวิต และสุขภาพของประชาชนเสื่อมถอยในระยะยาว

เจน มิลส์ (Jane Mills) ฟีโอน่า เบอร์เกอไมส์เตอร์ (Fiona Burgemeister) และ ลีซ่า ฮุคเกอร์ (Leesa Hooker) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเลอโทรบ (La Trobe University) ในประเทศออสเตรเลีย ได้แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ผ่านบทความที่เผยแพร่บนสื่อ The Convesation เมื่อเร็วๆ นี้ไว้อย่างน่าสนใจ

พยาบาลวิชาชีพสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ปฐมภูมิในชนบทได้ หากได้รับการอบรมให้มีความเชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพประชาชน

ปัจจุบัน ออสเตรเลียมีพยาบาลวิชาชีพมากกว่า 2,250 รายที่ได้รับการอบรมและลงทะเบียนประกอบวิชาชีพ ซึ่งล้วนแล้วเป็นพยาบาลที่จบการศึกษาในระดับปริญญาโท และมีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 8 ปี

แต่พยาบาลเหล่านี้ต้องทำงานภายใต้การกำกับของแเพทย์ปฐมภูมิเท่านั้น ทำให้บทบาทของพยาบาลถูกมองข้าม ทั้งๆ ที่มีทักษะและประสบการณ์ในด้านการดูแลผู้ป่วย

ทักษะนี้รวมถึงการวินิจฉัยปัญหาสุขภาพ อ่านผลตรวจโรค ทำแผนการรักษาและติดตามอาการ สั่งยาให้ผู้ป่วย และส่งต่อผู้ป่วยไปยังแพทย์ในกรณีที่ต้องการการรักษาที่ซับซ้อนขึ้น พยาบาลที่ได้รับการฝึกฝนยังสามารถตัดสินใจได้ว่า จะรับหรือปล่อยผู้ป่วยในได้อีกด้วย 

ในงานสาธารณสุข พยาบาลสามารถทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ทำยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ และยกระดับผลลัพธ์การดูแลสุขภาพในชุมชนหรือประชากรเฉพาะกลุ่ม 

ขณะที่กลุ่มทำงานด้านประกันสุขภาพเมดิแคร์ (Medicare) ภายใต้รัฐบาลระบุว่า พยาบาลมีบทบาทสำคัญ ถือได้ว่าเป็นหัวใจในการดูแลผู้ป่วยในระดับปฐมภูมิ 

อย่างไรก็ตาม สามนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเลอโทรบระบุว่า พยาบาลยังไม่ได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ทั้งยังไม่ได้รับอิสระและเอกเทศในการให้บริการตามความรู้ความสามารถที่มี

ส่วนหนึ่งเพราะฝ่ายวิชาชีพแพทย์ยังคงให้บทบาทแพทย์ในการตัดสินใจเป็นหลัก เพราะกังวลว่าหากผู้ตัดสินใจไม่ใช่แพทย์ จะนำไปสู่การรักษาที่ผิดพลาด ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน สร้างความไร้ประสิทธิภาพ และเพิ่มต้นทุนในการดูแลผู้ป่วย 

อย่างไรก็ดี นักวิจัยทั้งสามระบุว่า ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาตร์ที่รองรับข้อคิดเห็นในเรื่องนี้ แต่กลับมีงานศึกษาทั่วโลกที่รับรองความสำเร็จในการดูแลผู้ป่วย เมื่อให้บทบาทพยาบาลนำกระบวนการดูแลนี้ 

การศึกษาหลายชิ้นชี้ว่า พยาบาลเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลลัพธ์ด้านสุขภาพของผู้ป่วยออกมาดี ทั้งในระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และการดูแลเฉพาะด้าน ขณะที่ผู้ป่วยมีความพึงพอใจต่อการดูแลของพยาบาล 

นอกจากนี้ ยังพบว่าการจ้างพยาบาลในสถานพยาบาลช่วยลดต้นทุนและเวลารอคิว ผู้ป่วยสามารถขอคำปรึกษาจากพยาบาลในระยะเวลาที่นานกว่าแพทย์ และมีแนวโน้มกลับมารับคำปรึกษาจากพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยไม่กระทบต่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ข้อมูลจากฝ่ายวิชาชีพพยาบาลในปี 2562 ชี้ว่า มีพยาบาลจำนวนมากที่ทำงานในเขตชนบทอยู่แล้ว จึงมีความพร้อมในการทำงานในพื้นที่ห่างไกล

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ นักวิจัยเสนอในตอนท้ายว่า พยาบาลวิชาชีพสามารถปิดช่องว่างการเข้าถึงระบบสุขภาพที่เกิดจากการขาดแคลนแพทย์ปฐมภูมิในเขตพื้นที่ชนบทของออสเตรเลียได้แน่นอน

แต่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน โดยให้บทบาทพยาบาลในการทำงานอย่างมีอิสระและเป็นเอกเทศ พร้อมรับร่วมมือกับทีมงานด้านสุขภาพในพื้นที่ชนบท โดยเอาผลลัพธ์ด้านสุขภาพและการเข้าถึงระบบสุขภาพปฐมภูมิเป็นตัวตั้ง 

อ่านข่าวต้นฉบับ:
https://theconversation.com/with-the-training-to-diagnose-test-prescribe-and-discharge-nurse-practitioners-could-help-rescue-rural-health-199287