อย่างที่กล่าวไปในตอนที่ 01 (https://www.thecoverage.info/news/content/4303) ว่า การที่ประชาชนประสบปัญหาถูกหน่วยบริการเรียกเก็บเงินค่าบริการ โดยที่หน่วยบริการไม่มีสิทธิที่จะเรียกเก็บ จะนำไปสู่ปัญหาหรือเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขและอาจก่อวิกฤตทางการเงินให้ประชาชนได้
การที่หน่วยบริการเรียกเก็บค่าบริการโดยไม่มีสิทธิที่จะเรียกเก็บ หรือเรียกเก็บเกินกว่าอัตราที่คณะกรรมการกำหนด (Extra billing) ตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ไม่สามารถกระทำได้
Extra billing ไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย
ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ . 2545 การเรียกเก็บค่าบริการ โดยที่หน่วยบริการไม่มีสิทธิที่จะเรียกเก็บ หรือ Extra billing ไม่สามาถกระทำได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขครอบคลุมรอบด้าน ยกเว้นบริการที่ไม่คุ้มครองบางรายการเท่านั้น รวมทั้งคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้ประกาศกำหนดให้บุคคลที่เข้ารับบริการสาธารณสุขต้องร่วมจ่ายค่าบริการในอัตรา 30 บาท ในแต่ละครั้งที่เข้ารับบริการเท่านั้น และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศยกเว้นผู้ยากไร้หรือบุคคลอื่นรวม 21 กลุ่มที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการ
Cost sharing การร่วมจ่าย ณ จุดบริการ
ตามมาตรา 5 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 บอร์ดประกาศกำหนดให้บุคคลที่เข้ารับบริการสาธารณสุขต้องร่วมจ่ายค่าบริการในอัตรา 30 บาท ณ จุดบริการในแต่ละครั้งที่เข้ารับบริการ หรือเรียกว่า Copayment at point of service รวมทั้ง สธ. ได้ออกประกาศกำหนดบุคคล 21 กลุ่ม ที่ไม่ต้องจ่ายค่าบริการตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ดังนั้น การเรียกเก็บเงินร่วมจ่ายค่าบริการเกินกว่าอัตราที่กำหนด ไม่สามารถกระทำได้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงประกาศดังกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้การร่วมจ่ายค่าบริการในอัตราที่กำหนดในแต่ละครั้งที่เข้ารับบริการ ณ จุดรับบริการ (Copayment at point of service) เป็นไปอย่างเหมาะสม และไม่เกิดผลกระทบต่อผู้รับบริการ คณะกรรมการจัดทำแนวทางการระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้เสนอหลักการของการร่วมจ่าย ณ จุดรับบริการ ไว้ดังนี้
- ต้องไม่มีการร่วมจ่ายในบริการที่มีผลกระทบต่อสาธารณะ (Externality) เช่น การให้ วัคซีนการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค การรักษาโรคระบาด เป็นต้น
- ต้องมีระบบที่มีประสิทธิภาพในการดูแลให้เกิดความเป็นธรรม การเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ และไม่เป็นภาระทางการเงินจนกระทบต่อเศรษฐกิจของครัวเรือน
- ให้มีการร่วมจ่ายในกรณีที่เลือกใช้บริการที่มีความสะดวกพิเศษ เช่น คลินิกพิเศษ แพทย์ เฉพาะบุคคล หรือห้องพิเศษ โดยจะต้องจ่ายทั้งค่าธรรมเนียมบริการพิเศษและค่าบริการทางการแพทย์ ทั้งในและนอกสิทธิประโยชน์ และต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เช่น ป้องกันการรับภาระค่าใช้จ่าย มากเกินไป มีทางเลือกตามระดับรายได้ และสามารถขอกลับไปใช้บริการตามระบบปกติได้โดยไม่ต้อง ร่วมจ่าย
- ต้องมีกลไกป้องกันมิให้คนที่มีรายได้สูง ดูดซับทรัพยากรด้านสุขภาพที่มีจำกัดไปจาก คนกลุ่มอื่นๆ เช่น การกำหนดราคาการร่วมจ่ายที่ชัดเจน และ มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวด
- ต้องมีระบบการกระจายเงินที่เก็บได้ ไปยังสถานพยาบาลอื่นๆ อย่างเหมาะสม เพื่อมิให้ ทรัพยากรกระจุกตัวอยู่เฉพาะพื้นที่ที่มีเศรษฐานะสูง
นอกจากนั้น ยังมีข้อเสนออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ปรับด้วยโครงสร้างอายุ (Age adjusted expenditure per capita) ของแต่ละระบบประกันสุขภาพภาครัฐ ควรมีค่าไม่ต่างจากค่าเฉลี่ย ของระบบประกันสุขภาพภาครัฐทั้งสามระบบหลีก ± 10% และการกำหนดรูปแบบและวิธีการจ่ายเงินให้แก่สถานพยาบาลด้วยมาตรฐานเดียวกันในทุกประเภทและระดับบริการ เนื่องจากความเสมอภาคในการจ่าย ชดเชยค่าบริการในแต่ละระบบประกันสุขภาพภาครัฐ อาจช่วยลดความเสี่ยงที่หน่วยบริการจะเรียกเก็บเงิน เพิ่มเติมโดยไม่มีสิทธิที่จะเก็บ หรือเรียกเก็บเกินกว่าอัตราที่กำหนดได้
- 1017 views