ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรค เผยจากรายงานการเฝ้าระวังโควิด 19 ขณะนี้ไทยได้รับการยืนยันพบสายพันธุ์ XBB จำนวน 2 ราย โดยทั้งคู่มีอาการน้อย และขณะนี้ได้หายจากอาการป่วยโควิด-19 แล้ว 


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากรายงานการเฝ้าระวังสายพันธุ์ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ขณะนี้พบเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกลายพันธุ์ใหม่ และรายงานในหลายประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ สายพันธุ์ XBB ซึ่งขณะนี้พบผู้ป่วย 2 รายเป็นผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ โดยรายแรกเป็นหญิงไทย อายุ 49 ปี มีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2565 และวันรุ่งขึ้นเริ่มมีอาการ ไอ คัดจมูก ไม่มีไข้ ต่อมาวันที่ 27 ก.ย. 2565 ได้ทำการตรวจด้วย ATK พบผลบวก จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งและรับยากลับมารักษาตัวที่บ้านจนครบกำหนด ขณะนี้หายเป็นปกติแล้ว 

สำหรับรายที่ 2 เป็นหญิงต่างชาติอายุ 60 ปี เดินทางมาจากฮ่องกง มีอาการไอ ไม่มีไข้ ตรวจด้วย ATK พบผลบวก วันที่ 28 ก.ย. 2565 จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชน และรับยากลับมาพักรักษาตัวอยู่ในห้องพักโรงแรมนาน 10 วัน ขณะนี้ทั้ง 2 รายหายจากอาการป่วยโควิด-19 แล้ว และได้เดินทางต่อไปยังต่างประเทศแล้ว 

“แม้ว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อ ป่วยหนัก และเสียชีวิต โดยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาเสียชีวิต 53 ราย เฉลี่ยวันละ 7 ราย/วัน ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่ม 608 และมากกว่าครึ่งหนึ่งยังไม่ฉีดวัคซีน และจากการเฝ้าติดตามสถานการณ์การระบาดในต่างประเทศที่พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากไวรัสกลายพันธุ์ ดังนั้น จึงขอเชิญชวนประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือรับวัคซีนมาแล้วเป็นระยะเวลามากกว่า 4 เดือนไปรับวัคซีนโดยเร็ว แม้วัคซีนจะไม่ได้ป้องกันการติดโควิด-19 ได้ทั้งหมด แต่วัคซีนมีประสิทธิผลเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่าสามารถช่วยลดการป่วยหนักและเสียชีวิตได้อย่างดี” นพ.ธเรศ กล่าว

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ด่านควบคุมโรคติดต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสนามบินนานาชาติในภูมิภาคได้ยกระดับการเฝ้าระวังผู้เดินทางจากสิงคโปร์และฮ่องกง ตลอดจนประเทศที่มีรายงานการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ XBB หากผู้เดินทางจากพื้นที่ดังกล่าวมีอาการทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ น้ำมูก เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิสามารถแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ฟรี 

อย่างไรก็ดี แนะนำผู้โดยสารสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยระหว่างการเดินทาง นำชุดตรวจ ATK ติดตัวไปพร้อมสำหรับตรวจเมื่อมีอาการในต่างประเทศ รวมทั้งขอรับวัคซีนเข็มกระตุ้นก่อนการเดินทางหากครบกำหนดฉีดแล้ว โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกช่วงวัย 

ทั้งนี้ ล่าสุดได้จัดหาวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดง สำหรับเด็กเล็กอายุ 6 เดือน - 4 ปี มาให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา วัคซีนดังกล่าวสามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนชนิดอื่นในวันเดียวกัน จึงขอเชิญชวนผู้ปกครองที่ใส่ใจนำบุตรหลานเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ที่สถานพยาบาลทั่วประเทศ ตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร (กทม.) กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422