ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

5 องค์กรภาคีรัฐ-เอกชน ผลิตสเปรย์พ่นจมูกโควิด-19 พ่นได้ทุก 6 ชม. ยับยั้งเชื้อได้ดีเยี่ยม เหมาะพกพาไปพื้นที่เสี่ยง-ต่างประเทศ


องค์กรชั้นนำภาครัฐ-เอกชน ทั้ง 5 ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศิลปากร, สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.), องค์การเภสัชกรรม และ บริษัทไฮไบโอไซ จำกัด ร่วมผนึกกำลังพัฒนานวัตกรรม “สเปรย์พ่นจมูกที่มีคุณสมบัติดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก” ได้สำเร็จ เป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นจมูกเพื่อป้องกันและยับยั้งการติดเชื้อโควิด-19 ได้ต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง โดยเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับประชาชนในการป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งจะมีการวางจำหน่ายในวันที่ 1 ต.ค.2565 นี้

นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการ สวรส. เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 จะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังคงเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งทีมวิจัยของไทยทั้งจากภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันดำเนินงานวิจัยพัฒนานวัตกรรมที่มีคุณสมบัติดักจับและยับยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบในรูปแบบของสเปรย์สำหรับพ่นจมูก ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมสำคัญอีกชิ้นหนึ่งของประเทศไทยที่จะปรากฎสู่สายตาชาวโลก และเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือร่วมใจกัน เพื่อให้ประเทศไทยก้าวพ้นสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ไปได้

นอกจากนี้ สเปรย์พ่นจมูกที่เป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ จะช่วยป้องกันประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ที่พกพาและพ่นสเปรย์ได้ตามความต้องการ โดยเฉพาะกับการเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงที่มีคนจำนวนมาก หรือการพกพาไปต่างประเทศ

“สเปรย์พ่นจมูกป้องกันโควิด-19 เป็นตัวอย่างของการส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ ให้เกิดการเข้าถึงบริการสุขภาพของคนไทยมากยิ่งขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพของประเทศไทย” นพ.นพพร กล่าว

นางวรวรรณ ไชยกำเนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไบโอไซ กล่าวว่า รูปแบบของผลิตภัณฑ์ จะมีขนาด 15 มล. ด้วยหลักการทำงาน 2 กลไก คือ 1. ดักจับด้วย HPMC ที่ทำหน้าที่เคลือบบริเวณพื้นผิวโพรงจมูก ทำให้ความสามารถในการเกาะของเชื้อไวรัสที่บริเวณโพรงจมูกลดลง 2.  ยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางกายภาพ ที่เข้ามาในบริเวณโพรงจมูกด้วยภูมิคุ้มกัน

สำหรับรูปแบบการใช้งาน จะใช้พ่นที่โพรงจมูกทั้ง 2 ข้าง โดยสอดหัวพ่นเข้าไปในโพรงจมูกในแนวตั้ง พ่นข้างละ 1-2 ครั้ง ใช้ได้ตามต้องการทุก 6 ชั่วโมง พร้อมจัดจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้

1

ขณะที่ รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จะนำองค์ความรู้จากการทำวิจัย โดยทีมนักวิจัยแพทย์จุฬาฯ ในการพัฒนาแอนติบอดีที่มีคุณสมบัติดักจับและยั้บยั้งเชื้อโควิด-19 ทางกายภาพบริเวณโพรงจมูก ซึ่งทีมนักวิจัยได้บ่มเพาะและพัฒนามาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาด โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาคประชาชน และภาครัฐ

จนกระทั่งสามารถพัฒนาแอนติบอดีต้นแบบได้ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีทางชีวภาพชั้นสูง โดยพัฒนาจากการถอดรหัสแอนติบอดีที่ได้จากอาสาสมัครที่หายดีจากโควิด-19 โดยมีภูมิคุ้มกันในระดับดีเยี่ยม

“องค์ความรู้จากการวิจัยและความร่วมมือที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดนวัตกรรมที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ และช่วยให้ประเทศไทยก้าวพ้นสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย” รศ.นพ.ฉันชาย กล่าว

ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า อภ.ได้ทำหน้าที่ในการผลิตและควบคุมคุณภาพ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสเปรย์พ่นจมูกเพื่อยับยั้งเชื้อโควิด-19 โดยนวัตกรรมชิ้นนี้สามารถวิจัยและผลิตขึ้นใช้ได้เองในประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ได้รับใบจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์ โดยมีขอบข่ายการอนุญาตให้ผลิตเครื่องมือแพทย์ในกลุ่ม Respiratory care service สำหรับผลิตภัณฑ์ Nasal spray solution จาก อย. และยังได้รับการรับรอง ISO-13485: 2016 มาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพสำหรับเครื่องมือแพทย์ จากบริษัท UIC certification service ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตรวจรับรองประเมินมาตรฐานสากลซึ่งแสดงได้ว่าสถานที่ผลิตแห่งนี้ มีคุณภาพ ความปลอดภัย ระบบการจัดการคุณภาพสำหรับการผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ดี

“อภ.มีความพร้อมที่จะผลิตนวัตกรรมสเปรย์ชิ้นนี้ออกสู่ตลาด เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงนวัตกรรมสุขภาพในการป้องกันและช่วยรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 และยังส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงในระบบสุขภาพของประเทศ นวัตกรรมชิ้นนี้จึงถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการดูแลตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโควิด-19” ผู้อำนวยการ อภ. กล่าว