ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศาลปกครองพิพากษา "เพิกถอน" ประกาศกระทรวงสาธารณสุข กรณียกเว้นไม่คุ้มครองคนฉีด "วัคซีนทางเลือก" เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน ชี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการ "เลือกปฏิบัติ" โดยไม่เป็นธรรม


ศาลปกครองกลาง อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2565 ให้เพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 23 ก.ค. 2564 ข้อ 3 เฉพาะในส่วนที่ไม่คุ้มครองถึงบุคคลที่ได้รับการป้องกันโรคโควิด 19 จากการฉีดวัคซีนทางเลือกที่ให้บริการโดยสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้รับการฉีดวัดซีนเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ประกาศมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ ข้อ 3 เฉพาะในส่วนดังกล่าว เป็นประกาศที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีผลทำให้บุคคลที่ได้รับการฉีด "วัคซีนทางเลือก" จะไม่ได้เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินเหมือนบุคคลที่ได้รับการฉีด "วัคซีนจากรัฐ" โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อันเป็นการจำกัดสิทธิของประชาชนที่เลือกรับวัคซีนทางเลือกจากสถานพยาบาลเอกชนโดยเสียค่าใช้จ่ายเองเพื่อป้องกันโรคโควิด-19

ขณะเดียวกันยังถือได้ว่าเป็นการ "เลือกปฏิบัติ" โดยไม่เป็นธรรมต่อสภาพทางกายหรือสุขภาพของบุคคลที่มีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐ โดยเฉพาะสิทธิที่จะได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

"ข้อกำหนดตามข้อ 3 ของประกาศฉบับดังกล่าว แสดงถึงเจตนารมณ์ที่มุ่งตัดสิทธิของประชาชนกลุ่มที่เลือกรับวัคซีนทางเลือกจากสถานพยาบาลเอกชน เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยเสียค่าใช้จ่ายเอง ทำให้ในกรณีที่ประชาชนกลุ่มนี้มีอาการแพ้วัคซีนทางเลือก หรือมีอาการอันไม่พึงประสงค์ จะไม่สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในลักษณะเป็นสวัสดิการหรือความช่วยเหลือจากรัฐได้ ทั้งที่การที่ประชาชนบางส่วนเลือกรับวัคซีนทางเลือกโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง มีส่วนสำคัญในการช่วยลดภาระของรัฐ และช่วยตอบสนองเป้าหมายของรัฐที่มุ่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรค" เนื้อหาตอนหนึ่งในบันทึกของตุลาการผู้แถลงคดี ระบุ

สำหรับคำพิพากษานี้ เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 1712/2565 ระหว่างนายรัฐพล ปั้นทองพันธุ์ ผู้ฟ้องคดี และกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผู้ถูกฟ้องคดี ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ

นายรัฐพล ปั้นทองพันธุ์ ในฐานะผู้ฟ้องคดี เปิดเผยกับ “The Coverage” ว่า ผลของคำพิพากษานี้ คือคนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกที่จ่ายเงินเอง เช่น ซิโนฟาร์ม หรือโมเดอนา จะได้รับการคุ้มครองเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทั้งหมดนับจากนี้เป็นต้นไป และมีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ประกาศกระทรวงฯ ดังกล่าวมีผลใช้บังคับ หรือตั้งแต่ 1 มี.ค. 2564 - 6 ม.ค. 2565

"สมมติผมฉีดวัคซีนทางเลือก แล้วมีอาการข้างเคียงในช่วงก่อนที่จะยกเลิกประกาศฯ ซึ่งรัฐบอกว่าไม่ใช่ผู้ป่วยฉุกเฉิน ทำให้ผมต้องไปจ่ายเงินค่ารักษาเอง ดังนั้นหลังจากคำพิพากษานี้ ผมก็มีสิทธิกลับมาเรียกร้องจากรัฐ เพราะในเมื่อคุณต้องรับรักษาแล้วไม่ทำ" นายรัฐพล ระบุ

นายรัฐพล กล่าวว่า คำพิพากษาของศาลปกครองในครั้งนี้ นับเป็นบรรทัดฐานที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นสำคัญคือการเลือกปฏิบัติ เพราะในรัฐธรรมนูญมีการเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ในช่วงของโรคระบาดย่อมไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม แต่สิ่งที่ สธ. ทำโดยการออกประกาศฯ ฉบับดังกล่าว นับเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน รวมไปถึงการให้ประชาชนต้องซื้อวัคซีนทางเลือก ก็ถือเป็นการเลือกปฏิบัติแบบหนึ่งโดยใช้ฐานะทางเศรษฐกิจของคน

นายรัฐพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของอีกคดีที่ตนได้มีการยื่นฟ้อง สธ. ต่อศาลแพ่ง เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนจากการที่ต้องซื้อวัคซีนทางเลือก เนื่องมาจากการที่ สธ.จัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิผลต่ำมาฉีดให้กับประชาชน และยังมีจำนวนไม่เพียงพอ อันเป็นการละเมิดต่อหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา และจะมีการนัดสืบพยานอีกครั้งในช่วงต้นเดือน พ.ย. 2566

123