ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมอนามัย ยอมรับ ยังไม่มีมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค กรณีใส่กัญชาในอาหาร ประกาศที่ออกไปเป็นแค่คำแนะนำ ด้านสภาองค์กรของผู้บริโภค ผิดหวังหน่วยงานรัฐ ชี้ ผู้บริโภคเสี่ยงหนัก-ร้องเรียนไม่ได้หากแพ้กัญชา


น.ส. มลฤดี โพธิ์อินทร์ ผู้ช่วยเลขานุการอนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สภาองค์กรผู้บริโภค (สอบ.)  เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2565 ว่า จากการที่ สอบ. ได้ส่งหนังสือแสดงข้อห่วงใย ถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข (สธ.)ในประเด็นการปลดล็อกกัญชาที่มีผลบังคับไปตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 เนื่องจากเห็นว่ายังมีช่องโหว่ในการควบคุมระหว่างรอกฎหมายกัญชงกัญชา โดยเฉพาะการนำส่วนของพืชกัญชามาใช้ในการบริโภคหรืออุปโภคโดยไม่มีมาตรการรองรับอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตได้ อีกทั้งจะมีวิธีตรวจสอบหรือผู้บริโภคจะทราบได้อย่างไรว่าอาหารหรือเครื่องดื่มมีสารทีเอชซี (Tetrahydrocannabinol : THC) เกินกว่าที่กฎหมายหรือไม่นั้น

อย่างไรก็ดี กรมอนามัย สธ. ได้ตอบกลับข้อห่วงใยของ สอบ. เกี่ยวกับการปลดล็อกกัญชา เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยในประเด็นข้อคำถามที่ว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้ตรวจสอบสถานประกอบกิจการอาหาร และจะมีวิธีการตรวจสอบอย่างไรว่าอาหารและเครื่องดื่มเหล่านั้นมีสาร THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 หรือไม่ รวมถึงผู้บริโภคจะสามารถตรวจสอบหรือทราบได้อย่างไรว่า ร้านอาหารจะใช้ปริมาณใบกัญชาตามที่ประกาศกรมอนามัยฯ กำหนดนั้น กรมอนามัย ชี้แจงในหนังสือตอบกลับมาว่าประกาศกรมอนามัยฯ ดังกล่าวเป็นคำแนะนำทางวิชาการเพื่อให้ผู้ประกอบกิจการร้านอาหารมีความเข้าใจในการนำใบกัญชามาทำ ประกอบ ปรุงอาหาร และการแสดงรายการอาหารที่มีส่วนประกอบใบกัญชา 

นอกจากนี้ ยังรวมถึงการแสดงคำเตือน สำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตร เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากสถานที่จำหน่ายอาหาร ดังนั้น ประกาศกรมอนามัยฯ ดังกล่าวจึงไม่มีบทกำหนดโทษ อีกทั้งหากเกิดเรื่องร้องเรียนกับผู้บริโภคจากอาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชา กรมอนามัยจึงไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณาได้

น.ส. มลฤดี กล่าวว่า กรมอนามัยได้ชี้แจงต่อถึงประเด็นการลงพื้นที่ตรวจสอบสาร THC ในอาหารว่าขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานเฉพาะ ในการทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กำลังมีการวิจัยและพัฒนาชุดทดสอบอย่างง่ายเพื่อตรวจสอบหาค่า THC ในอาหาร ดังนั้น หากต้องการตรวจสอบปริมาณสาร THC ในอาหารจะต้องเก็บตัวอย่างส่งห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันอาหาร หรือมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่รับวิเคราะห์ 

ทั้งนี้ ส่วนมาตรการควบคุมการขายอาหารผสมกัญชาทางออนไลน์นั้น กรมอนามัยได้ชี้แจงว่าขณะนี้ อาจจะยังไม่ได้มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการควบคุมการขายอาหารออนไลน์

​“ที่ผ่านมารัฐมนตรีสาธารณสุขอ้างมาตลอดว่ามีประกาศต่างๆ เพื่ออุดช่องโหว่ของการปลดล็อกกัญชาระหว่างรอกฎหมายทั้งหมดแล้ว แต่คำตอบของกรมอนามัยที่ตอบข้อห่วงใยของสภาองค์กรของผู้บริโภคมานั้น ทำให้เห็นว่าผู้บริโภคอยู่ในความเสี่ยงหลังจากการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดชัดเจน เพราะเมื่อเกิดปัญหาผู้บริโภคไม่สามารถที่จะพึ่งพาหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้เลย ซึ่งถือเป็นการไม่คุ้มครองผู้บริโภค” น.ส.มลฤดี กล่าว

1

2