ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

​สปสช. แจงกรณีผู้ป่วยโควิดที่รับบริการในระบบสายด่วน 1330 ยังไม่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ เนื่องจากผู้ป่วยที่ต้องรับยามีจำนวนมาก กระจายหลายพื้นที่ เฉลี่ยเกือบ 400 รายต่อวัน ทำให้ผู้ป่วยบางส่วนได้รับยาช้า ขอประชาชนเข้าใจ เป็นการจัดระบบบริการเฉพาะกิจที่เสริมการดูแลผู้ป่วยโควิด สปสช.ทำอย่างเต็มกำลัง ย้ำจะเร่งจัดส่งยาให้ผู้ป่วยเร็วที่สุด


​ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพภาพแห่งชาติ (สปสช.) และโฆษก สปสช. เปิดเผยว่า ตามที่ สปสช. ได้ดำเนินการจัดระบบสายด่วน สปสช.1330 เพื่อเป็นบริการเสริมที่สนับสนุนหน่วยบริการในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระบบบริการ ทั้งในกลุ่ม 608 และไม่ใช่ 608 ตามนโยบาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข จากการเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 โทรเข้าสู่ระบบเพื่อขอรับบริการจำนวนมาก มีผู้ป่วยโควิดส่วนหนึ่งจำเป็นต้องไปรับยาฟาวิพิราเวียร์ นอกจากการนำส่งยาโดย บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณท.ดบ.) ที่ได้รับการสนับสนุนค่าจัดส่งจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ภายใน 24 ชั่วโมงแล้ว สปสช. ได้จัดรถร่วมนำส่งเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยาโดยเร็วที่สุด

​อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผู้ป่วยที่ต้องรับยาฟาวิพิราเวียร์มีเป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั้งใน กทม.และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม จนถึงเมื่อวานนี้ (28 ก.ค. 65) มีการจัดส่งให้ยาให้ผู้ป่วยโควิดแล้วจำนวน 2,233 ราย หรือเฉลี่ย 372 รายต่อวัน รวมเป็นยาฟาวิพิราเวียร์จำนวน 116,192 เม็ด​ทพ.อรรถพร กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวนี้ แม้ว่าทั้ง สปสช. และ ปณท.ดบ โดยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจัดส่งยาจาก ธกส. จะได้ดำเนินการเร่งส่งยาให้กับผู้ป่วยอย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถจัดส่งยาให้ผู้ป่วยได้ทัน ทำให้ยังมีผู้ป่วยส่วนหนึ่งได้รับยาล่าช้า ขอเรียนว่า สปสช.จะรีบจัดส่งยาเพิ่มเติมให้กับผู้ป่วยที่รอรับยาตามลำดับรายชื่อที่ได้ลงทะเบียนให้กับผู้ป่วยเร็วที่สุด

​“สายด่วน สปสช. 1330 เพื่อร่วมให้บริการผู้ป่วยโควิด เป็นระบบบริการเฉพาะกิจที่ สปสช.ได้เข้ามาช่วยเสริมกำลังหน่วยบริการ เพื่อให้ผู้ป่วยโควิดที่ยังไม่ได้เข้าสู่การรักษา โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ได้รับยารักษาอย่างทันท่วงที ความพร้อมจึงอาจไม่ร้อยเปอร์เซ็น แต่เจ้าหน้าที่สายด่วน สปสช. 1330 และเจ้าหน้าที่ สปสช. ทุกคน รวมถึงทาง ปณท.ดบ. เองที่ได้ร่วมมือ ทุกคนต่างเร่งส่งยาให้ผู้ป่วยอย่างเต็มกำลัง แต่ด้วยผู้ป่วยที่มีจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถจัดส่งรวดเร็วได้ทันทุกราย แต่เราจะพยายามเร่งให้ยาถึงมือผู้ป่วยเร็วที่สุด” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว

​ทพ.อรรถพร กล่าวย้ำว่า สปสช.คำนึงถึงผู้ป่วยเป็นสำคัญ ด้วยสถานการณ์นี้จึงได้จัดบริการเฉพาะกิจนี้ขึ้น ทั้งนี้ต้องย้ำว่า ในกรณีผู้ป่วยกลุ่ม 608 ที่ลงทะเบียนในระบบ 1330 และรอรับยา รวมถึงผู้ป่วยโควิดที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 หากมีอาการที่แย่ลง ขอให้รีบเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล หรือหน่วยบริการโดยเร็ว
 
​ทั้งนี้ นอกจากบริการผ่านระบบสายด่วน สปสช. 1330 แล้ว ผู้ป่วยโควิดยังสามารถรับบริการในช่องทางหลัก 3 ช่องทาง ดังนี้
​1. บริการที่คลินิก/โรงพยาบาล ตามสิทธิสุขภาพของตัวเอง 
2. รับบริการแบบ Telemedicine ซึ่งทีมผู้ให้บริการ Telemedicine จะทำการคัดกรองเบื้องต้น หากไม่มีอาการ จะจ่ายยาแล้วติดตามอาการภายใน 24 ชั่วโมง แต่ถ้ามีอาการ ผู้ให้บริการ Telehealth จะประสานส่งต่อคลินิก/โรงพยาบาลเพื่อดูแลตามแต่ละการจัดการของโรงพยาบาล 
3. บริการที่ร้านยา ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว สิทธิบัตรทองและสิทธิประกันสังคม โดยรับยารักษาตามอาการ-คำแนะนำการใช้ยา (ครอบคลุมทั่วประเทศ) 
 
​สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
 
นอกจากนี้ สปสช. ได้รวบรวมลิงค์ลงทะเบียนเพื่อการรักษาผู้ป่วยโควิดไว้ที่เว็บไซต์ สปสช. ดูรายละเอียดได้ที่ 
 
รวมลิงค์ลงทะเบียนรักษาโควิด-19 ด้วยระบบการแพทย์ทางไกล จัดส่งยาถึงบ้าน ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย https://www.nhso.go.th/news/3680
 
ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง 30 บาท รักษาที่ไหนได้บ้าง ? https://www.nhso.go.th/news/3681
 
ดูรายชื่อร้านยาที่เข้าร่วมโครงการที่ https://www.nhso.go.th/downloads/197
หรือดูแผนที่ดิจิทัล ร้านยาใกล้ฉัน Nostra Map https://map.nostramap.com/NostraMap/?layer/covid19pharmacy,feed/th