ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) ทบทวนแผนงานวัณโรคแห่งชาติ พร้อมสรุปผลการทบทวนแผนงานวัณโรคแห่งชาติโดยผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกและองค์กรนานาชาติ มุ่งเป้าดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์  Global End TB Strategy ลดอัตราป่วยวัณโรคเหลือ 10 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2578


นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านการแถลงข่าว “สรุปผลการทบทวนแผนงานวัณโรคแห่งชาติ ครั้งที่ 6” เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2565 ว่า เป็นโอกาสดีที่คณะผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกและองค์กรนานาชาติรวมกัน ทบทวนแผนงานวัณโรคซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6โดยที่วัณโรคยังเป็นโรคที่ระบาดในหลายประเทศทั่วโลก และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของประชากรโลกราว 1.5 ล้านคนต่อปี ในปี 2564 องค์การอนามัยโลกประกาศให้ประเทศไทยพ้นจาก 14 ประเทศที่มีปัญหา วัณโรคดื้อยาสูงของโลก 

ทั้งนี้ ก็ยังคงเป็นหนึ่งในสามสิบประเทศที่ยังมีอัตราป่วยวัณโรคสูงอยู่ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีการระบาดของโรคโควิด 19  ซึ่งจำเป็นต้องระดมทรัพยากรจำนวนมาก แต่กระทรวงสาธารณสุขก็ยังคงให้ความสำคัญกับการเร่งรัดควบคุมป้องกัน  วัณโรค โดยเฉพาะวัณโรคดื้อยาหลายขนาน (MDR-TB) โดยกำหนดมาตรการและตัวชี้วัด เช่น เร่งรัดค้นหาผู้ติดเชื้อ  และผู้ป่วยวัณโรคในกลุ่มเสี่ยง สนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงพร้อมที่สรรหาแหล่งเงินทุนและจัดสรรสนับสนุนงบประมาณในการควบคุมป้องกันวัณโรค เพื่อ “ยุติการแพร่ระบาด” ให้ได้ตามเป้าหมาย

นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคมีความพร้อมที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ยุติวัณโรค (End TB Strategy) ในระดับนานาชาติ โดยมุ่งเป้าลดอัตราป่วยวัณโรคเหลือ 10 ต่อประชากรแสนคน ในปี 2578 และยึดหลัก 5 ยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญ ได้แก่ 1.เร่งรัดการค้นหาและวินิจฉัยผู้ติดเชื้อวัณโรคและผู้ป่วยวัณโรค 2. ลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยวัณโรค  3. พัฒนาศักยภาพของบุคลากร  4. สร้างกลไกการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์อย่างยั่งยืน  5. ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านวัณโรค 

พญ.ผลิน กมลวัทน์ ผู้อำนวยการกองวัณโรค กล่าวว่า การดำเนินงานตามแผนงานวัณโรคแห่งชาติของประเทศไทยยังคงต้องมีการพัฒนา เพิ่มศักยภาพ และแก้ปัญหาความท้าทาย ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะจากการทบทวน ครั้งนี้ กรมควบคุมโรคจะนำไปพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนเชิงนโยบายในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับแผนงานวัณโรคแห่งชาติ (National TB program) การส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลและชุมชน โดยมีผู้ป่วยวัณโรคเป็นศูนย์กลางการใช้เทคโนโลยีการตรวจวินิจฉัยที่ทันสมัย และการพัฒนาบุคคลากร เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดและมีโอกาสเข้าถึงระบบบริการ เพื่อลดปัญหาวัณโรค และบรรลุเป้าหมายการยุติวัณโรคของประเทศที่ตั้งไว้ TB-Free Thailand For TB-Free World “เมืองไทยปลอดวัณโรค เพื่อโลกปลอดวัณโรค” ต่อไป