ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผลอนามัยโพล เรื่อง “ความมั่นใจของผู้ปกครองต่อการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5 - 11 ปี” พบสาเหตุที่ทำให้ผู้ปกครองไม่พาเด็กเข้ารับการฉีดวัคซีนเพราะยังมีความกังวลว่าเด็กอาจมีอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง


นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่ยังคงต้องเฝ้าระวังและป้องกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงของการเปิดภาคเรียนแบบ On-Site ทุกชั้นเรียน เด็กควรได้รับวัคซีนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อ                          
 
ขณะเดียวกัน จากผลการสำรวจอนามัยโพลเรื่อง “ความมั่นใจของผู้ปกครองต่อการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5 - 11 ปี” ระหว่างวันที่ 22 เม.ย. – 11 พ.ค. 2565 พบว่า ตอนนี้เด็กอายุ 5 - 11 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว และจะฉีดให้ครบ ร้อยละ 54.1 และยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย ร้อยละ 28.7 โดยเหตุผล ที่ทำให้กลุ่มผู้ปกครองไม่พาเด็กเข้ารับการฉีดวัคซีน คือ ยังมีความกังวลว่าเด็กอาจมีอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง ร้อยละ 77.2 และไม่มั่นใจในประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของวัคซีน ร้อยละ 55.3 รวมทั้งยังกังวลว่าเด็กที่ไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว อาจได้รับผลกระทบที่รุนแรงจากวัคซีน ร้อยละ 37
 
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5 - 11 ปี สามารถสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิตในเด็กได้ รวมทั้งการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาที่โรงเรียน จึงขอให้ผู้ปกครองมั่นใจในความปลอดภัยของการฉีดวัคซีน โดยการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนในเด็ก ควรให้เด็กกินอาหาร หากเด็กมีอาการป่วย มีไข้ ร่างกายอ่อนเพลีย ควรรักษาอาการให้หายจนกว่าจะเป็นปกติก่อน
 
“สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัวรุนแรง อาการยังไม่คงที่ ควรเข้ารับการประเมินอาการจากแพทย์ประจำตัว           ก่อนเข้ารับการฉีด อาการที่พบได้หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ คือ ปวด บวม แดง เฉพาะที่ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย    เป็นไข้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที ในสถานที่ฉีดวัคซีน ซึ่งอาการดังกล่าว สามารถหายได้เองเมื่อกินยาลดไข้ และพักผ่อนให้เพียงพอ หลังฉีดวัคซีน 1 สัปดาห์” นพ.สุวรรณชัย กล่าว