ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.จัดช่องทางให้บริการ "ถุงยางอนามัย-ยาเม็ดคุมกำเนิด" แก่คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปทุกสิทธิ โดยให้บริการยาคุมครั้งละ 1-3 แผง ปีละไม่เกิน 13 แผง ดีเดย์ 1 ก.พ.นี้ ส่วนถุงยางอนามัยรับได้สัปดาห์ละ 10 ชิ้น ไม่จำกัดจำนวนต่อปี คาดเริ่มได้ เม.ย.นี้


นพ.จักรกริช โง้วศิริ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงแนวทางการให้บริการยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทานและถุงยางอนามัย ปีงบประมาณ 2565 ว่า บริการดังกล่าวเป็นสิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งในปีนี้ สปสช.ได้เพิ่มจุดให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น

สำหรับจุดให้บริการ คือ หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ประกอบด้วย คลินิกการพยาบาลฯ ร้านขายยา โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม และหน่วยบริการปฐมภูมิ ซึ่งการเพิ่มจุดเข้าถึงได้มากขึ้น จะทำให้การป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Safe sex) 

นพ.จักรกริช กล่าวว่า ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน จะให้บริการสำหรับหญิงไทยทุกสิทธิ อายุระหว่าง 15-59 ปี โดยผู้รับบริการสามารถรับบริการยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน ครั้งละไม่เกิน 3 แผง คนละไม่เกิน 13 แผงต่อปี ส่วนถุงยางอนามัยจะให้บริการแก่คนไทยทุกสิทธิอายุ 15 ปีขึ้นไป รับบริการได้ครั้งละ 10 ชิ้นต่อสัปดาห์ รอบการจ่าย 7 วัน รับได้ 1 ครั้ง ไม่จำกัดจำนวนถุงยาง/คน/ปี

ทั้งนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิด สามารถรับบริการได้ 2 วิธี คือ 1. กรณีมีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน สามารถขอรับยาคุมกำเนิด ในแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง เมนูกระเป๋าสุขภาพ เลือกบริการสร้างเสริมสุขภาพ เลือกหน่วยบริการที่จะไปรับ จองสิทธิ และไปรับภายในวันที่จองสิทธิ 2. กรณีไม่มีสมาร์ทโฟน ให้แสดงบัตรประชาชนเพื่อขอรับยาคุมกำเนิด ณ หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการ

ขณะที่วิธีการรับถุงยางอนามัย สามารถใช้สมาร์ทโฟนเพิ่ม Line สปสช. แล้วสแกน QR code ณ หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการแจกถุงยางอนามัย โดยสามารถดูรายชื่อได้ที่เว็บไซต์ สปสช. เพื่อรับถุงยางอนามัยตามไซส์ ซึ่งมีให้เลือก 4 ไซส์ ได้แก่ 49 มม., 52 มม., 54 มม. และ 56 มม. 

อนึ่ง การให้บริการยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน จะเริ่มตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 เป็นต้นไป ส่วนถุงยางอนามัยจะเริ่มให้บริการในช่วงเดือน เม.ย. 2565 เป็นต้นไป