ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.-สปสช.-กสศ.-ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ฯ ร่วมแถลงข่าว "แว่นตาสำหรับเด็กสายตาผิดปกติ สิทธิประโยชน์บัตรทอง ของขวัญเพื่อเด็กไทยสายตาดี" ตรวจคัดกรองความผิดปกติของสายตาในเด็ก ป.1 ทั่วประเทศ พร้อมตัดแว่นให้ฟรี


สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดงานแถลงข่าว "แว่นตาสำหรับเด็กสายตาผิดปกติ สิทธิประโยชน์บัตรทอง ของขวัญเพื่อเด็กไทยสายตาดี" เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นการรณรงค์ตรวจคัดกรองเด็กนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ทุกคน เพื่อค้นหาความผิดปกติทางสายตาแล้วรักษาหรือตัดแว่นสายตาให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยภายในงานยังได้มีการมอบแว่นสายตาให้กับเด็กนักเรียน ด้วยการประสานงานของมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เพื่อให้เครือข่ายได้รับแว่นตาสำหรับเด็กสายตาผิดปกติ

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัญหาเด็กสายตาผิดปกติ หากไม่ได้รับการแก้ไขจะส่งผลต่อการเรียนรู้และสุขภาพ การดำเนินงานตามโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนชั้น ป.1 ทุกคน ได้รับการคัดกรองสายตา และเพิ่มการเข้าถึงบริการแว่นตาสำหรับเด็กที่มีสายตาผิดปกติ

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงาน ปี 2564 ที่ผ่านมา พบว่ามีนักเรียนได้รับการคัดกรองสายตา 245,150 คน หรือคิดเป็น 32% จากนักเรียนทั้งหมดกว่า 7 แสนคน พบสายตาผิดปกติ 6,217 คน หรือคิดเป็น 2.5% ได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์และได้รับแว่นสายตาจากภาคเอกชน (ห้างแว่นท็อปเจริญ) จำนวนทั้งสิ้น 2,929 คน อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบให้โรงเรียนปิดทำการเรียนการสอน นักเรียนไม่ได้มาเรียนที่โรงเรียน จึงยังคงมีนักเรียนจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับการตรวจคัดกรองสายตา

สำหรับเป้าหมายปี 2565 มีนักเรียนชั้น ป.1 จำนวนทั้งหมด 752,884 คน จะได้รับการคัดกรองสายตา ไม่น้อยกว่า 80% หรือ 602,307 คน โดยคาดว่าจะมีนักเรียนสายตาผิดปกติ 3% หรือประมาณ 18,069 คน และจะมีนักเรียนสายตาผิดปกติได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยจักษุแพทย์ไม่น้อยกว่า 60% หรือ 10,841 คน

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ในส่วนของการการอบรมพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการเฝ้าระวังสุขภาพสายตานักเรียนนั้น สธ.และภาคีเครือข่าย จะพัฒนาบุคลากรสาธารณสุขงานอนามัยโรงเรียนเพื่ออบรมครูประจำชั้นทุกโรงเรียน ดำเนินการคัดกรองสายตานักเรียนชั้น ป.1 ทุกคน ในโรงเรียนทุกสังกัด ตลอดจนนักเรียนชั้นอื่นที่สงสัยสายตาผิดปกติ ภายใต้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายแว่นสายตาจาก สปสช. และสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในการนำพานักเรียนมาพบจักษุแพทย์

"จะมีการจัดกิจกรรมรณรงค์ตรวจคัดกรองสายตาและมอบแว่นสายตานักเรียน ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 ระหว่างวันที่ 4-14 ม.ค. 2565 ในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ด้วยมาตรการเข้ม UP และ CFS ตามบริบทและสถานการณ์ของแต่ละจังหวัด จากนั้นหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ จะร่วมกับสถานศึกษาทุกสังกัด ดำเนินการให้ครอบคลุมกลุ่มนักเรียนเป้าหมายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี" นพ.สุวรรณชัย กล่าว

นพ.ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี รองประธานกรรมการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (service plan) สาขาตา สธ. กล่าวว่า ระบบบริการตรวจคัดกรองสายตาในเด็กจะเริ่มตั้งแต่ในโรงเรียน โดยมีการอบรมครูเพื่อคัดกรองสายตาเด็ก เมื่อครูตรวจคัดกรองพบความผิดปกติสายตาของนักเรียนจะมีการตรวจยืนยันซ้ำ โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรือที่โรงพยาบาลชุมชน (รพช.) จากนั้นเมื่อยืนยันความผิดปกติทางสายตาแล้ว จะส่งตัวไปที่ Refraction unit หรือหน่วยวัดแว่น ซึ่งส่วนมากอยู่ในโรงพยาบาลประจำจังหวัดหรือโรงพยาบาลทั่วไป และทำการตัดแว่นตาให้ 

"โครงการนี้ดำเนินการมา 4-5 ปีแล้ว แต่ที่ผ่านมาอาศัยจากการบริจาค เช่น จากห้างแว่นหรือมูลนิธิต่างๆ แต่ปีนี้ สปสช.ให้ความสำคัญและจัดเป็นชุดสิทธิประโยชน์ ทำให้โรงพยาบาลสามารถสั่งตัดแว่นจากร้านแว่นแล้วเบิกจ่ายไปที่ สปสช. ได้" นพ.ไชยสิทธิ์ กล่าว

นพ.ไชยสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน สปสช.ยังมีกลไกกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่น (กปท.) ทำให้ อปท.สามารถจัดบริการเพื่อนำส่งเด็กที่มีสายตาผิดปกติมาตรวจวัดสายตาที่โรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้นในปีนี้เมื่อโรงเรียนใดที่เริ่มเปิดเทอมได้แล้ว ก็จะดำเนินการคัดกรองทันที ในพื้นที่ทั้ง 13 เขตสุขภาพ

ศ.พญ.วณิชา ชื่นกองแก้ว ประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความผิดปกติของสายตาในเด็กจะส่งผลต่อทั้งการอ่าน เขียน เรียน เล่น การรับรู้และการมองเห็น เพราะเมื่อตามีการพัฒนาก็จะเชื่อมไปกับการเรียนรู้และพัฒนาสมอง แต่เมื่อตามีความผิดปกติ เด็กจะใช้ประสาทสัมผัสอย่างอื่น เช่น การฟัง เข้ามาแทนที่

"ดังนั้นช่วงอายุที่ควรทำการคัดกรอง จริงๆ แล้วควรทำการคัดกรองตั้งแต่แรกเกิด โดยผู้ปกครองเป็นผู้สังเกต เช่น เด็กอายุ 2 เดือนไม่จ้องหน้าแม่ หรือเด็กโตมีอาการปวดหัวง่าย ไม่มีสมาธิเวลาเรียนเอาแต่เล่น ปัญหาที่แท้จริงอาจเกิดจากสายตาผิดปกติก็ได้ ส่วนการตรวจคัดกรองในเด็ก ป.1 จะเป็นการคัดกรองในกรณีสายตาสั้นหรือสายตายาว เพราะถ้าเลยช่วงอายุนี้ไปแล้วเด็กจะมีภาวะสายตาขี้เกียจและไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ถ้าคัดกรองในช่วงอายุนี้ก็ยังสามารถกระตุ้นให้กลับมาทำงานได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรคัดกรองตั้งแต่เกิดไปจนถึงทุกช่วงอายุ" ศ.พญ.วณิชา กล่าว

ขณะที่ ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่ สปสช.ตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุนเป็นค่าแว่นตาให้กับหน่วยบริการที่ตรวจวินิจฉัย วัดค่าสายตา และสั่งตัดแว่นตา ให้กับเด็กที่มีสายตาผิดปกติทุกสิทธิการรักษา โดยจะจ่ายค่าแว่นตาให้เป็นการเฉพาะ ตามรายการบริการหรือ Fee Schedule เพื่อสนับสนุนให้เด็กอายุ 3-12 ปีทุกคนที่มีภาวะสายตาผิดปกติให้สามารถเข้าถึงแว่นตาได้

ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป เพื่อเป็นของขวัญเพื่อให้เด็กไทยสายตาดี ขณะเดียวกัน สปสช. จะสนับสนุนให้ อปท. เครือข่ายองค์กรภาคการศึกษาตลอดจนภาคประชาสังคมให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดบริการ เพื่อช่วยให้นำตัวเด็กนักเรียนเข้ามารับบริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความแสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า การบูรณาการความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพของเด็กและเยาวชนในครัวเรือนที่ยากลำบาก ซึ่งมี 15% ของทั้งประเทศ เด็กกลุ่มนี้มีปัญหาสายตาไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น จนอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและการพัฒนาศักยภาพในระยะยาว

สำหรับ กสศ.ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือนักเรียนและวางแผนแก้ปัญหาได้อย่างถูกจุดเป็นรายบุคคล โดยเน้นการทำงานแบบ Area Based Education ร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ขณะเดียวกัน กสศ. ยังใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ ระบบ iSEE ซึ่งเป็นฐานขนาดใหญ่ (Big Data) ที่ครอบคลุมข้อมูลกลุ่มเป้าหมายนักเรียนยากจนและยากจนพิเศษ 1.9 ล้านคน เพื่อการค้นหาและแก้ไขปัญหาภาวะสายตาผิดปกติ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพได้ต่อไป

ดร.ไกรยส กล่าวอีกว่า กสศ.ยังใช้การทำงานโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ซึ่งได้ร่วมมือกับสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการดูแลช่วยเหลือนักเรียนเพื่อสนับสนุนครูและโรงเรียน ผ่านศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน (ฉก.ชน.) เพื่อช่วยเหลือนักเรียนอย่างครอบคลุมในทุกมิติ

อนึ่ง ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. @nhso