ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ตลอดปี 2564 ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่ช้านี้ มีข่าวใหญ่จำนวนมากที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ถูก “เซ็นเซอร์” ไม่ให้เผยแพร่

เว็บไซต์ https://www.projectcensored.org ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้รับการเสนอหรือรายงาน ซึ่งริเริ่มโดย ศ. คาร์ล เจนเซน มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโซโนมา สหรัฐอเมริกา ที่ต้องการให้ความรู้ในการคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking) การรู้เท่าทันสื่อ และความสำคัญของสื่ออิสระต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ได้จัดอันดับ 25 ข่าวที่ถูกเซ็นเซอร์มากที่สุดของปี 2564

ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องที่บางองค์กรแทรกแซงเสรีภาพในประเทศต่างๆ หรือการที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ปล่อยให้สารเคมีที่เป็นพิษปนเปื้อนลงสู่สิ่งแวดล้อม

แต่อันดับ 1 ที่ Project censored ได้จัดอันดับเอาไว้ว่าเป็น เรื่องใหญ่ที่ถูกห้ามพูดถึงที่สุด นั่นก็คือเรื่อง ค่ายาที่สูงเกินความจริง กำลังจะเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของผู้สูงอายุในสหรัฐอเมริกาในอนาคต"

ข่าวนี้มีที่มาจากรายงานที่ออกมาโดย “West Health Policy Center องค์การไม่แสวงหาผลกำไรและเป็นกลางทางการเมือง เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ร่วมมือกับ Xcenda หน่วยงานด้านการวิจัยจากบริษัทยา AmerisourceBergen ที่พบว่า ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ที่อยู่ภายใต้ระบบ “Medicare(ระบบหลักประกันสุขภาพระดับชาติของสหรัฐอเมริกาสำหรับผู้สูงอายุ) จำนวนกว่า 1.1 ล้านราย จะต้องเสียชีวิต เพราะไม่สามารถรับผิดชอบค่ายาตามที่แพทย์สั่งได้

ผู้ที่นำข้อมูลนี้มาเผยแพร่คนแรกคือ “เคนนี่ สเตนซิล ผู้สื่อข่าวจาก Common Dreams ซึ่งรายงานว่า ราคายาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น จะทำให้การรับยาเป็นประจำตามใบสั่งของแพทย์กลายมาเป็นสาเหตุการตายของผู้สูงอายุในสหรัฐอเมริกา ที่สูงกว่าโรคเบาหวาน ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม และโรคไต ภายในปี 2030

West Health/Xcenda ได้ทำการสำรวจผลกระทบที่เกิดจากการค่ายาราคาแพง จนผู้ป่วยไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำแนะนำของแพทย์ได้อย่างต่อเนื่อง ในกลุ่มประชากรสูงอายุภายใต้ Medicare โดยเน้นหนักไปที่ 5 โรคประจำตัว อาทิ โรคหัวใจลักษณะต่างๆ โรคไตเรื้อรัง และเบาหวาน

ความตอนหนึ่งของผลการศึกษาระบุว่า ราคายาที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้เกิดการเสียชีวิตของผู้สูงอายุกว่า 112,000 รายต่อปี

ราคายาที่สูงขึ้นจะทำให้การปฏิบัติและการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์มีปัญหา ผู้สูงอายุจะไม่สามารถเข้าถึงยาเพราะไม่มีกำลังจ่าย ในที่สุดผู้สูงอายุที่จ่ายไม่ไหวก็จะใช้วิธีงดยาเอง เพื่อลดปริมาณ ลดค่าใช้จ่าย บางครั้งก็อาจจะหาซื้อยาทางเลือกที่คุณภาพไม่ดีเทียบเท่า และอาจจะนำไปสู่การยุติการรักษา

“การที่ไม่สามารถกินยาตามที่แพทย์สั่งได้ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ การป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตลอดจนการเสียชีวิตทั้งที่ป้องกันได้” ทิโมธี ลาช ประธานของ West Health Policy Center ระบุ

สำหรับสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบ Medicare นั้น จะช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยาตามที่แพทย์สั่งในสัดส่วน 25% ของราคายาทั้งหมด จนกว่าจะถึงเพดานการสำรองจ่ายที่ Medicare กำหนดเอาไว้

ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้สูงอายุที่แม้จะมี Medicare คอยอุดหนุนค่ายา แต่ก็ยังต้องจ่ายค่ายาในจำนวนที่มากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นเพราะผู้ผลิตยาได้ขึ้นราคายาอย่างต่อเนื่อง

ประเด็นเรื่องราคายาแพงนี้ ยังถูกตอกย้ำด้วยงานศึกษาของ AARP ในช่วงมิถุนายน ปี 2564 ที่พบว่า ระหว่างปี 2562 ถึง 2563 ราคาขายปลีกของยากว่า 260 ยี่ห้อที่แพทย์มักจะระบุไว้ในใบสั่งจ่ายยา มีราคาสูงขึ้น 2.9% คิดเป็นสองเท่าของอัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ที่ 1.3%

AARP ได้รายงานว่า ผู้สูงอายุชาวอเมริกันจะใช้ยาตามใบสั่งของแพทย์อยู่ที่ 4.7 ชนิดต่อเดือนโดยเฉลี่ย นั่นทำให้ภาระค่ารักษาต่อปีอยู่ที่ราว 31,000 เหรียญสหรัฐโดยประมาณ ซึ่งตัวเลขนี้ AARP ระบุว่าเป็นตัวเลขที่เกินกว่ารายได้โดยเฉลี่ยของผู้ที่อยู่ภายใต้สิทธิประโยชน์ Medicare ในปี 2562 ซึ่งมีรายได้โดยเฉลี่ยเพียงแค่ประมาณ 29,650 เหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ งานวิจัยอีกชิ้นที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ชื่อดังอย่าง “JAMA” เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ก็ได้เผยให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์ยาในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 159% ในช่วงระหว่างปี 2550 จนถึงปี 2561

ราคายาที่สูงขึ้นนั้นจะผลักให้ภาระค่าใช้จ่ายด้านยาของ Medicare เพิ่มขึ้นประมาณ 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 567,783 ล้านบาท) ระหว่างปี 2564 ถึง ปี 2574 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า

เคนนี่ สเตนซิล ผู้สื่อข่าวจาก Common Dream ระบุว่า ผลการศึกษาของ West Health/Xcenda ทำให้เห็นว่าการปรับนโยบายของภาครัฐจะสามารถนำไปสู่การลดราคายาและช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมาก เพราะจากคาดการณ์ หากสามารถจำกัดการขึ้นราคายาและให้ Medicare เข้าเจรจาโดยตรงกับผู้ผลิตยาในฐานะตัวแทนของผู้ป่วย อาจจะสามารถนำไปสู่การหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของผู้สูงอายุได้มากถึง 93,900 รายต่อปี

มากไปกว่านั้น จะลดค่าใช้จ่ายของ Medicare ได้ถึง 4.76 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573

งานศึกษาของ West Health/Xcenda ยังเผยให้เห็นอีกว่า แนวทางหนึ่งที่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อลดราคายา คือการนำ Elijah E. Cummings Lower Drug Costs Now Act (H.R. 3) อันเป็นกฎหมายว่าด้วยการลดราคายามาใช้

กฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงติดค้างอยู่ที่วุฒิสภา ทำให้ยังไม่ได้รับการประกาศใช้ ยิ่งไปกว่านั้น อุปสรรคในตอนนี้อีกเรื่องก็คือ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยังไม่ได้รวม Medicare เข้าไปในแผนการ American Families Plan proposal ที่เกี่ยวกับงบประมาณถึง 1.8 แสนล้าน เหรียญสหรัฐอีกด้วย

ด้วยเหตุนั้นเอง ในเวลานี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกากำลังผลักดันให้ Elijah E. Cummings Lower Drug Costs Now Act (H.R. 3) ถูกนำมาพิจารณาในสภาใหม่อีกครั้งเพื่อให้ลดค่ายาที่ทั้งประชาชนและ Medicare กำลังรับภาระอยู่

อย่างไรก็ดี ตามรายงานที่ปรากฏออกมาพบว่า สื่อกระแสหลักจำนวนมากได้ “เมินเฉย” ต่อประเด็นดังกล่าว แม้ว่าจะมีการรายงานข่าวที่เกี่ยวกับการถีบตัวสูงขึ้นของราคายาอยู่บ้างก็ตาม เช่นใน “New York Time” เมื่อเมษายน 2562 หรือในช่องโทรทัศน์ “CBS” เมื่อช่วงมกราคม 2564 เป็นต้น

แต่ทว่า ก็เป็นเพียงการนำเสนอเพียงแค่เรื่องราคา แต่ไม่ได้นำเสนอในเชิงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนชาวอเมริกัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

การขาดหายไปของการรายงานข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อสาธารณชนเป็นสิ่งที่น่ากังวลเป็นอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่ทำให้บรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องขาดการรับรู้ในเรื่องของผลกระทบจากราคายาแล้ว การไม่รายงานถึงรายละเอียดและความคืบหน้าของการผลักดันกฎหมายในสภา ก็ทำให้สาธารณะไม่ได้รับรู้ว่ากฎหมายที่ว่านั้นมีประโยชน์อะไรเกี่ยวข้องกับตนเองบ้าง ก่อให้เกิดการขาดการสนับสนุนจากประชาชน

ราคายาที่สูงขึ้นอาจจะสร้างผลกระทบให้เกิดการสูญสิ้นชีวิตของผู้คนนับล้านได้

อ้างอิง
https://www.projectcensored.org/1-prescription-drug-costs-set-to-become-a-leading-cause-of-death-for-elderly-americans/
https://www.aarp.org/content/dam/aarp/ppi/2021/06/trends-in-retail-prices-of-brand-name-prescription-drugs-widely-used-by-older-americans.10.26419-2Fppi.00143.001.pdf
https://www.westhealth.org/press-release/study-predicts-1-million-deaths-due-to-high-cost-prescription-drugs/
https://www.commondreams.org/news/2020/11/23/high-drug-prices-could-result-premature-deaths-more-11-million-seniors-next-decade
https://www.congress.gov/bill/116th-congress/house-bill/3
https://www.cidsa.org/publications/xcenda-summary