ครม.รับทราบรายงานประจำปี 2563 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยมีด้วยกัน 9 แผนงานสำคัญ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2564 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติรับทราบรายงานประจำปี 2563 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข (สธ.) เสนอ
สำหรับผลงานเด่นปี 2563 ของ สวรส. ที่ ครม.รับทราบนั้น แบ่งออกเป็น 9 แผนงาน โดยมีสาระสำคัญดังนี้
- แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบยา เวชภัณฑ์ และเทคโนโลยี
- การวิจัยสังเคราะห์และทบทวนเพื่อพัฒนามาตรการนำสารสกัดกัญชาไปใช้ในทางการแพทย์ โดย สวรส. ได้ศึกษาสถานการณ์อุปสงค์และอุปทาน รวมทั้งประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ของการใช้กัญชาเพื่อนำไปพัฒนามาตรการและระบบการควบคุม ผลิต และจัดบริการที่เกี่ยวข้องกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ ตลอดจนป้องกันและลดผลกระทบทางลบ เพิ่มการใช้ประโยชน์จากกัญชาและสารสกัดในทางการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการที่เหมาะสมได้มากขึ้น
- การประเมินผลโครงการนำร่องให้ผู้ป่วยรับยาที่ร้านยา1เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล ระยะที่ 2 พบว่าร้านยามีศักยภาพและมีส่วนสำคัญในการดูแลประชาชนท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ส่งผลให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563) มีมติให้เพิ่มการเข้าถึงบริการด้านยาเพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาลในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และขยายจำนวนร้านยาในโครงการรับยาใกล้บ้าน ทั้งในและนอกหน่วยบริการพร้อมทั้งให้โรงพยาบาลเพิ่มเติมระบบจัดสำรองยาและระบบเติมยาของผู้ป่วยที่ร้านยา
- การพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ระดับโมเลกุลเพื่อบ่งชี้การตอบสนองต่อการรักษาแบบจำเพาะบุคคลในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดชาวไทย2 (ปีที่ 3) การศึกษานี้ได้สิทธิบัตรของการพัฒนาชุดไพรเมอร์การตรวจวิเคราะห์ระดับโมเลกุล เพื่อใช้ในการคัดกรองผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่จะได้รับยารักษาแบบมุ่งเป้าชนิดต่าง ๆ โดยจากการศึกษากลุ่มตัวอย่างพบว่า การตรวจด้วยชุดไพรเมอร์สามารถทำงานได้ง่ายและช่วยลดงบประมาณการสั่งชุดตรวจสำเร็จรูปจากต่างประเทศ และมีแผนการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับโรงพยาบาลที่สนใจ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถตัดสินใจให้การรักษาแบบมุ่งเป้าแบบต่างๆ ได้
- แผนงานวิจัยและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ เช่น
- การใช้แบบจำลองพลวัตระบบในการวางแผนบริหารจัดการกำลังคนด้านสุขภาพ ในระยะ 10 ปีข้างหน้า: โครงการนำร่องเขตสุขภาพที่ 2 งานวิจัยได้พัฒนาแบบจำลองพลวัตระบบรายสาขาโรค จำนวน 5 แบบจำลอง ได้แก่ สาขาบริการจักษุวิทยา โรคไต ศัลยกรรมทั่วไป โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และโรคมะเร็ง พบว่าการเพิ่มศักยภาพด้วยการเพิ่มเวลาทำงานของเครื่องมือหรือห้องผ่าตัดโดยลดเวลาที่สูญเสียการใช้ทรัพยากรร่วมกันแบบ pool resource การอบรมพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานเป็นการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อรองรับความต้องการบริการสุขภาพของประชาชนที่เพิ่มจำนวนสูงขึ้น
- แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ เช่น
- การทบทวนระบบส่งต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งของศูนย์รังสีรักษา ภายใต้ความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลราชบุรีร่วมกับคณะแพทย์ศาสตรศิริราชพยาบาล ทำให้ได้รูปแบบการรักษาและขั้นตอนการส่งต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ลดระยะเวลาการตรวจที่ซ้ำซ้อน และสามารถนำไปพัฒนาระบบการรักษาและส่งต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษาโดยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศดิจิทัล
- แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบบริการสุขภาพ เช่น
- โครงการผลของการออกกำลังและการบริโภคอาหารต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม โรคไตเรื้อรัง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจและหลอดเลือดในประชากรไทยในจังหวัดอุบลราชธานี พบว่า กิจกรรมการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในชุมชนสามารถทำได้จริง และมีประสิทธิภาพสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้ และมีผลการตรวจทางชีวเคมีในทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ควรปรับกลยุทธ์ให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมทั้งในแง่ของการทำกิจกรรมและงบประมาณ
- แผนงานวิจัยและพัฒนาการเงินการคลังสุขภาพ เช่น
- การประเมินความคุ้มค่าการผ่าตัดปลูกถ่ายตับในผู้ป่วยโรคตับแข็งระยะกลางและระยะท้ายภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า พบว่ารายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนมีผลต่อการเข้าถึงการรักษาโรคดังกล่าว เนื่องจากเป็นการรักษาที่มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนการประมาณการผลกระทบด้านภาระงบประมาณสำหรับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปีที่ 1 เท่ากับ 35 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 71.7 ล้านบาท 100.6 ล้านบาท และ 147 ล้านบาทในปีที่ 5 ในปีที่ 10 และปีที่ 20 ตามลำดับ
- แผนงานวิจัยและพัฒนาระบบอภิบาลสุขภาพ
- การออกแบบระบบและกลไกในการขับเคลื่อนเขตสุขภาพที่ 6 พบว่า ควรมีการออกแบบมาตรการเพื่อการขับเคลื่อนการทำงานของเขตสุขภาพให้เกิดความคล่องตัวและบรรลุเป้าหมายใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1) การบริหารจัดการเขตสุขภาพและสำนักงานเขตสุขภาพ 2) การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล 3) การมอบอำนาจเกี่ยวกับการบริหารจัดการเขตสุขภาพ และ 4) การเพิ่มประสิทธิภาพระบบสาธารณสุขและสร้างความยั่งยืนทางการเงินการคลังของหน่วยบริการ
- แผนงานวิจัยและพัฒนากลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
- การพัฒนาสภาพแวดล้อมภายในที่พักอาศัยเพื่อการฟื้นฟูผู้สูงอายุภาวะสมองเสื่อมและภาวะซึมเศร้า ได้มีการจัดทำคู่มือแนวทางการออกแบบอาคารที่พักอาศัย ทั้งโรงพยาบาลและบ้านพักอาศัยแบบเดี่ยว เพื่อช่วยฟื้นฟูอาการสมองเสื่อมของผู้สูงอายุ ซึ่งหลังจากการพัฒนาสภาพแวดล้อม พบว่าผู้สูงอายุมีอาการสมองเสื่อมลดลงและมีสุขภาวะที่ดีขึ้น
- แผนงานวิจัยจีโนมิกส์ประเทศไทย
- การเตรียมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อรองรับการสนับสนุนบริการการแพทย์จีโนมิกส์ เช่น การจัดตั้งศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์เพื่อถอดรหัสพันธุกรรมจีโนมของอาสาสมัครไทย จำนวน 50,000 ราย
- การพัฒนาการวิจัยด้านการแพทย์จีโนมิกส์ เพื่อศึกษาข้อมูลทางพันธุกรรมและค้นหาความผิดปกติบนจีโนมของประชากรไทยเพื่อเป็นฐานข้อมูลจีโนมอ้างอิง ตลอดจนเพื่อวิเคราะห์สังเคราะห์หาปัจจัยที่มีความเกี่ยวข้องระหว่างยีนกันสุขภาพ/การเกิดโรค โดยมุ่งเป้าใน 5 โรค ได้แก่ กลุ่มโรคมะเร็ง โรคที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและหายาก โรคติดเชื้อ โรคไม่ติดต่อ และกลุ่มเภสัชพันธุศาสตร์ ป้องกันการแพ้ยาและการเลือกใช้ยาที่เหมาะสม
- แผนงานวิจัยเพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19
- การพัฒนาแบบจำลองบูรณาการระบบการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 เพื่อสนับสนุนกระบวนการการตัดสินใจเชิงนโยบาย รวมทั้งนำมาใช้ในการวางแผนปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศไทยในระยะยาว
- โครงการการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและชุมชนในการป้องกันและเฝ้าระวังโรคโควิด-19 โดยใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ และนำมาพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันชื่อ “EpiScanCovid19” ซึ่งผลวิจัยเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการตอบสนองการจัดการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม ทันต่อสถานการณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- 9 views