ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.แนะผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามช่องทางและขั้นตอนที่กำหนด ชี้คณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องฯ พร้อมเร่งดำเนินการ 


นางจินตนา กวาวปัญญา หัวหน้าหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอิสระ ตามมาตรา 50 (5) จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า เมื่อฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วเกิดอาการไม่พึงประสงค์ ผู้ได้รับผลกระทบสามารถยื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลือในเบื้องต้นได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โรงพยาบาลที่ไปรับการฉีดวัคซีน หรือ ติดต่อหน่วย 50 (5) ใกล้บ้าน รวมทั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขตพื้นที่ และสายด่วน 1330

สำหรับกรณีได้รับผลกระทบจนต้องได้รับการดูแลจากแพทย์หรือต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล เอกสารที่ใช้คือสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหน้าบัญชีเงินฝาก ประวัติการฉีดวัคซีน สำเนาเอกสารการสอบสวนโรคของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ใบรับรองแพทย์ และกรณีนอนในโรงพยาบาลต้องมีประวัติและรูปภาพประกอบด้วย ส่วนกรณีฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิต ต้องใช้สำเนาใบมรณะบัตรของผู้เสียชีวิต สำเนาบัตรประชาชนของผู้ยื่นคำร้อง เช่น ทายาทหรือผู้อยู่ในการอุปการะ สำเนาหน้าสมุดธนาคาร และรายละเอียด Timeline การรับวัคซีน

"แนะนำให้ดำเนินการตามช่องทางและขั้นตอนที่กำหนดไว้จะเกิดความเร็วเร็วที่สุด" นางจินตนา กล่าว

ด้าน นพ.ธนกร ศรัณยภิญโญ อนุกรรมการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในคณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องกรณีผู้รับบริการได้รับผลกระทบจากวัคซีนโควิด-19 เขต 4 สระบุรี กล่าวว่า ผลข้างเคียงกับอาการแพ้คือสิ่งเดียวกัน แต่ผลข้างเคียงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วยอมรับได้ ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย ขณะที่อาการแพ้คือผลข้างเคียงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมีผลเสียต่อร่างกาย โดยในพื้นที่ สปสช. เขต 4 สระบุรี ซึ่งประกอบด้วย 8 จังหวัดภาคกลาง มีผู้ยื่นคำร้องสัปดาห์ละประมาณ 100-150 ราย ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยเมื่อเทียบกับปริมาณการฉีดทั้งหมด

นพ.ธนกร กล่าวว่า เมื่อได้รับคำร้องขอรับเงินเยียวยาเบื้องต้นมาแล้ว กรณีที่ข้อมูลสมบูรณ์ เอกสารครบถ้วน คณะอนุกรรมการจะพยายามพิจารณาคำร้องให้เร็วที่สุด โดยปกติจะมีการประชุมพิจารณาทุกสัปดาห์ ดังนั้นผู้ยื่นคำร้องจะใช้เวลารอผลประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นเมื่อมีคำตัดสินแล้ว สปสช. ก็จะโอนเงินให้เลย ทั้งนี้ผู้ยื่นคำร้องสามารถยื่นคำร้องได้ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากที่ทราบว่าได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีน

นพ.ธนกร กล่าวอีกว่า ในส่วนของแนวทางการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยานั้น เบื้องต้นจะดูจากระยะเวลาและอาการที่แสดงออก กรณีเป็นผลข้างเคียงที่ไม่เป็นผลเสียต่อร่างกาย เช่น ฉีดแล้วเป็นไข้แต่ทานยาแล้วหาย ปวดหัว ปวดเมื่อยเนื้อตัว เป็นอาการที่หายได้เองและไม่กระทบกับการดำรงชีวิต หรือเป็นอาการบางอย่างที่ชัดเจนว่าเป็นผลจากโรคอื่นที่ป่วยอยู่ก่อนแล้ว คณะอนุกรรมการอาจไม่พิจารณาจ่ายเงินเยียวยาให้

อย่างไรก็ตาม หากฉีดวัคซีนแล้วแล้วเกิดอาการความดันโลหิตสูง ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ มีอาการอาการคลื่นไส้ ท้องเสียรุนแรงต้องให้น้ำเกลือ อาการเหนื่อยหอบ เส้นเลือดอักเสบ เส้นเลือดแตก อาการโรคหัวใจ หรืออาการอื่นๆ ที่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ ทางคณะอนุกรรมการจะพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาให้เร็วที่สุด และเมื่อมอบเงินเยียวยาไปแล้วจะไม่มีการเรียกคืนแม้ว่าในภายหลังจะพิสูจน์ได้ว่าอาการไม่พึงประสงค์ไม่ได้เกิดจากวัคซีนก็ตาม

"ในการพิจารณาจำนวนเงินเยียวยา คณะอนุกรรมการจะพิจารณาจากข้อมูล ณ วันที่มีการตัดสิน แต่ถ้าหากอาการของโรคไม่คงที่ มีคำพิจารณาเยียวยาไปแล้วแต่ผู้ได้รับผลกระทบมีอาการรุนแรงขึ้นหรือต้องรักษาตัวต่อไป ก็สามารถยื่นคำร้องซ้ำได้ ส่วนผู้ที่คำร้องขอรับเงินเยียวยาไม่ผ่านการพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ก็ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ไปที่คณะกรรมการที่ส่วนกลางเพื่อพิจารณาได้อีกครั้งหนึ่ง" นพ.ธนกร กล่าว

ทั้งนี้ ณ วันที่ 29 พ.ย. 2564 สปสช.มีการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ได้รับผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 674,946,600 บาท โดยมีผู้ยื่นคำร้องเข้ามาทั้งหมดจำนวน 9,809 รายและยังอยู่ระหว่างรอการพิจารณาอีก 1,628 ราย โดยทางคณะอนุกรรมการระดับเขตได้พิจารณาจ่ายเงินชดเชยแล้ว 6,637 ราย และพิจารณาไม่จ่าย 1,544 ราย เนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ ในจำนวนนี้อุทธรณ์ 552 ราย

สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 3 ระดับตามความรุนแรงของอาการไม่พึงประสงค์นั้นๆ โดยระดับ 1 มีอาการป่วยต้องรักษาต่อเนื่อง จ่ายไม่เกิน 1 แสนบาท มีผู้รับเงินเยียวยาแล้ว 5,082 ราย ระดับ 2 เกิดความเสียหายถึงขั้นสูญเสียอวัยวะหรือพิการจนมีผลต่อการดำรงชีวิต จ่ายไม่เกิน 2.4 แสนบาท มีผู้รับเงินเยียวยาแล้ว 137 ราย และระดับ 3 กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร จ่ายไม่เกิน 4 แสนบาท มีญาติผู้เสียชีวิตรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว 1,418 ราย 

อนึ่ง ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแแบบคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีได้รับความเสียหายจากการรับวัคซีนป้องกันโควิดได้ที่ https://www.nhso.go.th/downloads/175 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. 1330 หรือสอบถามข้อมูลทางไลน์ สปสช. โดยเพิ่มเพื่อนไลน์ สปสช. เพียงพิมพ์ @nhso