ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เมื่อวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นของมีค่าและไม่สามารถจัดหามาได้โดยง่าย การมีวัคซีนที่สามารถผลิตได้เองในประเทศไทยจึงสำคัญมากต่อความมั่นคงและยั่งยืนของระบบสาธารณสุขไทย

เป็นที่น่ายินดีว่า ขณะนี้ประเทศไทยของเรากำลังจะมีวัคซีนเป็นของตัวเอง เป็นวัคซีนที่วิจัยโดยคนไทย-ผลิตโดยคนไทย-เพื่อคนไทย ถึง 2 ตัว

นั่นก็คือ “ChulaCov19” และ “วัคซีนใบยา”

แต่การวิจัยและพัฒนาวัคซีน 2 ตัวนี้ไปถึงไหนแล้ว !!?

วัคซีน ChulaCov19 ถูกพัฒนาโดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เป็นวัคซีนประเภท MRNA สามารถจัดเก็บได้ง่าย อยู่ในตู้เย็นได้ 3 เดือน อยู่นอกตู้เย็นได้ 3 สัปดาห์

ที่ผ่านมาเมื่อ 14 มิ.ย. 2564 ก็ได้เริ่มทำการทดลองให้กับอาสาสมัครที่เป็นมนุษย์เรียบร้อยแล้ว ผลออกมานั้นสามารถยับยั้งเชื้อกลายพันธุ์ได้ถึง 80% มีผลข้างเคียงน้อยมาก และกำลังจะเริ่มทดลองกับอาสาสมัครที่เป็นมนุษย์อีกครั้งเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดต้นทุนต่อโดสของ ChulaCov19 แต่คาดกันว่าจะเริ่มนำมาใช้จริงช่วงเม.ย. 2565 ที่จะถึง

วัคซีนอีกตัวหนึ่งของคนไทยนั้น มีชื่อว่า “วัคซีนใบยา” หรือ “Baiya SARS CoV-2 Vax 1” ซึ่งถูกวิจัยและพัฒนาโดย “ใบยาไฟโตฟาร์ม” บริษัทสตาร์ทอัพภายใต้ CU Enterprise มีสองหัวเรือใหญ่ นั่นก็คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ และรองศาสตราจารย์ ดร.วรัญญู พูลเจริญ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ

ใบยาเป็นวัคซีนประเภทโปรตีน (Protein base Sub unit) โดยสกัดมาจากใบยาสูบออสเตรเลีย และได้ทำการทดลองในลิงและหนูสำเร็จไปได้ด้วยดีตั้งแต่ช่วงส.ค. 2563

ผลลัพธ์ที่ได้ ภูมิคุ้มกันต่อโรคนั้นเป็นที่น่าประทับใจ ล่าสุดนั้นหลังจากเปิดรับอาสาสมัครในมนุษย์เมื่อ 6 ก.ย. 2564 ก็ได้รับความสนใจจากเป็นจำนวนมาก

ประมาณการณ์กันไว้ว่า วัคซีนใบยาน่าจะมีต้นทุนอยู่เพียง 300 – 500 บาท ต่อโดสเท่านั้น และเป็นไปได้ที่จะนำมาฉีดให้กับประชาชนทั่วไปได้ภายในกลางปี 2565

อ้างอิง
https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%9A%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%9A-%E0%B8%81/
https://www.dailynews.co.th/news/241054/
https://www.prachachat.net/general/news-738112
https://www.chula.ac.th/highlight/48907/