ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายงดเหล้าฯ พบงานบวชปัจจุบันเน้นบันเทิง-ร่ำสุรา ต้นตอทะเลาะวิวาท พบ 4 ปีทำเสียชีวิต 30 ศพ บางรายยอมกู้หนี้ยืมสินทุ่มจัดงานใหญ่ เดินหน้าปลุก "งานบวชสร้างสุข" ยึดหลักพระธรรมวินัย


นายชัยณรงค์ คำแดง ผู้ช่วยผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เปิดเผยว่า คุณค่างานบวชคือการสืบทอดพระพุทธศาสนาและแสวงหาทางพ้นทุกข์ หากแต่ปัจจุบันการบวชมีวัตถุประสงค์เปลี่ยนไป โดยจากการสำรวจพบว่าค่าใช้จ่ายในการจัดงานบวช 1 ครั้ง เฉลี่ยหลักแสนบาท หรือมากที่สุดถึงหลักล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นค่าอาหาร โต๊ะจีน ค่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดนตรีมหรสพ รถแห่

นายชัยณรงค์ กล่าวว่า เมื่อมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงพบปัญหาความรุนแรงตามมา โดยจากการเก็บข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ตั้งแต่ปี 2559-2563 พบว่ามีความรุนแรงในงานบวช 50 งาน มีผู้เสียชีวิตประมาณ 30 ราย และบาดเจ็บกว่า 80 ราย ดังนั้นจึงมีการนำร่องทำโครงการงานบวชสร้างสุข ส่งเสริมงานบวชที่เรียบง่าย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้คนก้าวข้ามวัฒนธรรมการบวชที่เน้นปริมาณ มาสู่วัตถุประสงค์หลักของการบวชเพื่อสืบทอดศาสนา ศึกษาพระธรรมอย่างแท้จริง

นายวิทยา เขียวรอด นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การบวชในพื้นที่ภาคใต้เป็นวัฒนธรรม ซึ่งต้องจัดยิ่งใหญ่เพื่อแสดงบารมีและฐานะทางสังคมของเจ้าภาพ มีมหรสพ แตรวง รถแห่ และทำตามกันมา แม้บางรายตั้งใจจะบวชเพื่อสืบทอดศาสนา แต่หลีกกระแสสังคมไม่ไหวจนต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาจัดงานบวช

ทั้งนี้ จึงได้นำโครงการบวชสร้างสุข ไปดำเนินการในพื้นที่โดยร่วมกับเครือข่ายต่างๆ ชี้ให้เห็นถึงโทษของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ปัญหาสังคม การทะเลาะวิวาท ที่สำคัญยังเป็นปัจจัยเสี่ยงในการแพร่โควิด-19 ด้วย เพราะทำให้สติลดลง การดูแลป้องกันตัวเองลดลง ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในงานและนำไปติดคนที่บ้าน และชุมชน เป็นคลัสเตอร์งานบุญ

นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานประพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า การบวชในระยะหลังมีค่านิยมเน้นการจัดเลี้ยง แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ปัจจุบัน ทำให้เราต้องร่วมกันรับผิดชอบสังคม ดังนั้นมหาเถรสมาคมจึงมีมติกำหนดให้งานบวชมีมาตรการคุมเข้มในช่วงนี้

สำหรับมาตรการ ประกอบด้วย 1. พระอุปัชฌาย์ ต้องกำหนดระยะห่างการนั่งจัดพิธีให้เหมาะสม 2. ผู้จะเข้าโบสถ์ คนร่วมงาน เอาเท่าจำนวนที่จำเป็น นั่งให้ได้ระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย วัดไข้ อย่างเข้มงวด ซึ่งเป็นแนวทางการจัดงานบวชแบบเรียบง่าย ตรงตามพระธรรมวินัย ทำให้ผู้บวช และเจ้าภาพได้รับมงคลมาก

ขณะที่ พระครูภัทรธรรมคุณ เจ้าคณะอำเภอพัฒนานิคม จ.ลพบุรี คณะทำงานโครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะงานบวชสร้างสุข กล่าวว่า การขับเคลื่อนงานบวชสร้างสุขใน จ.ลพบุรี นั้นมีการวางเป็นนโยบายระดับอำเภอ ให้ทุกวัดให้ความรู้กับประชาชนที่มาติดต่อเพื่อจัดพิธีบวชที่วัดว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าบางคนบวชแบบข้าวหม้อ แกงหม้อ แต่บางคนคิดถึงศักดิ์ศรีต้องจัดงานยิ่งใหญ่

พระครูภัทรธรรมคุณ กล่าวว่า การจะทำให้โครงการงานบวชสร้างสุขสำเร็จได้ จะต้องทำ 1. ค่อยเป็นค่อยไป 2. หาแนวร่วมในการขับเคลื่อน สร้างภาพ และการสื่อสาร แล้วคุณภาพจะเกิด 3. หาผู้มีส่วนร่วม เช่น นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน 4. ทำให้เป็นประเพณี คนจะได้ไม่ฝืน 5. มีป้ายคอยเตือนงานบวชสร้างสุข อย่างน้อยก็เป็นเครื่องสะกิดใจคนมาร่วมงาน  

ด้าน นายประดับ สุริยะ ผู้ประสานงานโครงการ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก กล่าวว่า อำเภอวังทองได้จัดเวทีรับฟังความเห็นในทุกตำบลต่อการจัดงานบวชสร้างสุขภายในอำเภอ พร้อมทำการรับสมัครเจ้าภาพ ซึ่งในปีนี้มีเจ้าภาพตั้งใจเข้าร่วมโครงการ 6 ราย โดยพบว่าค่าใช้จ่ายในการจัดงานลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง ทั้งยังได้รับคำชื่นชม รวมถึงนายอำเภอ และเจ้าคณะอำเภอฝ่ายสงฆ์ ยังให้การสนับสนุนเต็มที่ จึงเห็นว่าต้องทำงานนี้ต่อไป