ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เผยไทยประกาศความสำเร็จการยุติการถ่ายทอดเชื้อ "เอชไอวี-ซิฟิลิส" จากแม่สู่ลูก เป็นครั้งที่ 3 บนเวทีโลก พร้อมตั้งเป้าลดการติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 1,000 ราย ในปี 2573


นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้เสนอความก้าวหน้าของการดำเนินงาน ป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก และได้รับรางวัลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นครั้งที่ 3 นับจากครั้งที่ 1-2 เมื่อปี 2559 และ 2561 ตามลำดับ โดยได้รับการประกาศรับรองคุณภาพต่อเนื่องในเวทีการประชุม Global Validation Advisory Committee ณ นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงรักษาคุณภาพในการดำเนินงาน เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในทารกแรกเกิด ที่เกิดจากหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวีให้ต่ำกว่า 2% สามารถป้องกันเด็กที่เกิดจากหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวีขณะตั้งครรภ์ได้ปีละประมาณ 3,500 คน ทำให้มีเด็กทารกที่ติดเชื้อเอชไอวีต่ำกว่า 50 รายต่อปี

"เนื่องจากประเทศไทยมีความเข้มแข็งของระบบบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะงานอนามัยแม่และเด็ก มีการดำเนินงานที่มีคุณภาพครอบคลุมสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีเป้าหมายลูกเกิดรอดแม่ปลอดภัยมานานกว่า 50 ปี จนทำให้ไทยเป็นประเทศที่ 2 ของโลก ในการประกาศความสำเร็จดังกล่าวเป็นครั้งที่ 3" นายสาธิต กล่าว

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การดำเนินงานป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกนั้น กรมอนามัยได้บูรณาการเข้ากับงานอนามัยแม่และเด็ก การให้บริการเคารพสิทธิของผู้รับบริการ และให้บริการตามมาตรฐานภายใต้สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพในทุกกลุ่มประชากร รวมถึงประชากรข้ามชาติ กลุ่มประชากรเปราะบาง ต่อการติดเชื้อเอชไอวีโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า มาตรฐานการบริการมีทั้ง การให้คำปรึกษาแบบคู่แก่หญิงตั้งครรภ์และสามีเพื่อตรวจสถานะการติดเชื้อ การตรวจเลือดเอชไอวี การให้ยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง (HAART) การให้ยาเพื่อรักษาโรคติดเชื้อฉวยโอกาส การตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อในทารกโดยเร็วที่สุด (Early Infant Diagnosis) และการสนับสนุนนมผสมทดแทนนมแม่แก่หญิงหลังคลอดเป็นเวลา 12 เดือน

"ทั้งนี้ประเทศไทยยังคงดำเนินการพัฒนาระบบการป้องกัน และรักษาหญิงตั้งครรภ์จากโรคติดเชื้อเอชไอวีและซิฟิลิสให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง​ แม้ว่าจะเผชิญต่อการเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อซิฟิลิสในหญิงตั้งครรภ์และทารก เนื่องจากมีการติดเชื้อในเยาวชนที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยพัฒนาระบบฐานข้อมูลที่จะทำให้ประเทศสามารถติดตามสถานการณ์การแพร่ของโรคได้ดี เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายภายในปี 2573 คือลดการติดเชื้อรายใหม่ให้ต่ำกว่า 1,000 ราย" นพ.สุวรรณชัย กล่าว