ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ.เปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ระยะที่ 2 ใช้พื้นที่อิมแพคชาเลนเจอร์ 1 รับผู้ป่วยได้เพิ่ม 1,076 เตียง รวมเป็น 2,159 เตียง พร้อมเต๊นท์ความดันลบอีก 101 เตียง เผยผลการดำเนินงานมีอัตราครองเตียงกว่า 70%


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมเปิดโรงพยาบาลบุษราคัม ระยะที่ 2 ที่อาคารอิมแพคชาเลนเจอร์ 1 เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2564 เพิ่มอีกจำนวน 1,076 เตียง ทำให้ปัจจุบัน รพ.บุษราคัม มีเตียงรับผู้ป่วยรวม 2,159 เตียง และเต๊นท์ความดันลบสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอีก 101 เตียง

สำหรับ รพ.บุษราคัม สธ.ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะ ตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 2564 โดยในระยะแรกได้ใช้พื้นที่อาคารอิมแพคชาเลนเจอร์ 3 จำนวน 1,083 เตียง รองรับผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มที่มีอาการน้อยถึงปานกลางในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งตลอด 14 วันที่ผ่านมา มีผู้ป่วยโควิดเข้ารับการรักษาเฉลี่ยวันละ 70 ราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงได้ขยายพื้นที่เปิดระยะที่ 2 เพิ่ม

ทั้งนี้ ปัจจุบัน รพ.บุษราคัม มีผู้ป่วยสะสม 1,002 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 183 ราย ส่งต่อไปรักษาในโรงพยาบาล 39 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 780 ราย อัตราการครองเตียงมากกว่า 70%

ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. กล่าวว่า รพ.บุษราคัม รับผู้ป่วยมากที่สุดจากการประสานส่งต่อผ่านสายด่วน 1668 รองลงมาคือจากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาล ได้แก่ สถาบันโรคทรวงอก รพ.ลำลูกกา รพ.สามโคก จ.ปทุมธานี, เครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (UHOSNET), นิมิตบุตร, สายด่วน 1330, สายด่วน 1669 และ Hospitel ตามลำดับ

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในการบริหารจัดการ ได้ระดมทรัพยากร อุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์จากเขตสุขภาพที่ 4 และบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลในสังกัด สธ. ในจังหวัดที่มีการระบาดน้อยจากทุกเขตสุขภาพ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาปฏิบัติงานทุก 2 สัปดาห์ โดยมีระบบการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ตั้งแต่จุดเวชระเบียน รับผู้ป่วย ใช้ระบบวงจรปิดติดตามอาการผู้ป่วย ให้การดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ

ขณะเดียวกัน รพ.บุษราคัม ได้รักษาด้วยยาแผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทย ปรับการให้ยารวดเร็วขึ้น มีโซนพักผ่อนหย่อนใจ แยกโซนการรักษาตามกลุ่มอายุและระดับอาการ มีจิตอาสาในกลุ่มผู้ป่วยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน โดยผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงคอยช่วยผู้ที่อ่อนแอกว่า รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ประชาชน บริจาคสิ่งของสนับสนุน อาทิ เตียงกระดาษ ชุดเครื่องนอน อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องอุปโภคบริโภค