ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

"ชุมชนริมคลองสามเสน" เขตราชเทวี ห่วงสถานการณ์บานปลายหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 41 รายใน 1 อาทิตย์ จี้หน่วยงานเร่งตรวจคัดกรองเชิงรุก หลังยื่นหนังสือ ผอ.เขต แต่ไร้คำตอบ


น.ส.วรรณา แก้วชาติ เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานโครงการมูลนิธิพัฒนาผู้อาศัย เปิดเผยกับ “The Coverage” ตอนหนึ่งว่า สถานการณ์ในชุมชนริมคลองสามเสน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร (กทม.) ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อภายในชุมชนไปแล้ว 41 ราย และมีกลุ่มเสี่ยงที่จำเป็นต้องกักตัวอีกราว 60 ราย อย่างไรก็ตามแม้มีการประสานงานไปที่ผู้อำนวยการเขตให้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้

สำหรับชุมชนดังกล่าวมีลักษณะค่อนข้างแออัด โดยมีทั้งหมด 328 หลังคาเรือน มีประชากรราว 2,800 คน ซึ่งพื้นที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว โดยชุมชนริมคลองสามเสนนั้นพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อเดือน เม.ย 2564 จำนวน 2 ราย และได้ทำการส่งตัวเพื่อรักษาจนหายขาดเป็นที่เรียบร้อย แต่ปรากฏว่าภายหลังจากนั้นได้มีชาวบ้านเริ่มป่วย จึงไปตรวจหาเชื้อและพบว่าชาวบ้านรายดังกล่าวติดเชื้อโควิด-19 และเชื้อก็เริ่มมีการแพร่กระจายไปเป็นวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านในชุมชนได้เข้ายื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการเขตราชเทวี เมื่อวันที่ 6-7 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้มีการตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่ เพราะเกรงว่าอาจจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ปรากฎว่าทางผู้อำนวยการเขตติดประชุม และไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานใดลงมาดูแล แม้ทางชุมชนจะยังมีการติดต่อประสานงานไปที่เบอร์สายด่วนต่างๆ เช่น 1330 แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานเข้ามาดูแล จนชาวบ้านเริ่มรู้สึกไม่ไหว เพราะเมื่อไรที่มีชาวบ้านออกไปตรวจก็จะพบว่ามีการติดเชื้อตลอด

น.ส.วรรณา กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเรียกร้องไปยังผู้ว่าราชการ กทม. ให้มีการจัดหน่วยบริการเข้ามาตรวจเชิงรุกในชุมชน ซึ่งทางชุมชนยินดีที่จะจัดหาสถานที่ให้ เพราะต้องรอมาแล้วเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์นับตั้งแต่ที่ยื่นเรื่องต่อผู้อำนวยการเขต ท่ามกลางผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

"แม้วันก่อนทาง ผอ.เขต จะมีการลงพื้นที่ชุมชน แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการคัดกรองแต่อย่างใด ซึ่งในวันนี้ (13 พ.ค.) จะมีรถพระราชทานตรวจคัดกรองที่บริเวณ ซอยเพรชบุรี 10 โดยจะคัดกรองได้ 500 ราย คำถามคือที่คัดกรอง 500 รายนั้นเป็นใคร เพราะน่าจะเป็นเพียงแค่การคัดกรองบุคคลทั่วไปเท่านั้น แต่ทำไมไม่สามารถนำมาตั้งที่ชุมชนนี้ได้ ทั้งๆ ที่มีกลุ่มเสี่ยงอยู่ตรงนี้ และหน่วยงานรัฐเองในเมื่อมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ คุณก็ต้องทำงาน ไม่ใช่ให้ประชาชนลุกขึ้นมาจัดการตัวเอง" น.ส.วรรณา กล่าว